วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
‘ภูมิรัฐศาสตร์-สงครามการค้า’มรสุมเศรษฐกิจลูกใหญ่ที่‘ไทย’ต้องเผชิญในปี‘งูเล็ก’

‘ภูมิรัฐศาสตร์-สงครามการค้า’มรสุมเศรษฐกิจลูกใหญ่ที่‘ไทย’ต้องเผชิญในปี‘งูเล็ก’

วันพฤหัสบดี ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2568, 10.59 น.
Tag : ปีงูเล็ก ภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ สงครามการค้า TDRI
  •  

2 ม.ค. 2568 สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เผยแพร่บทสัมภาษณ์ ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และ ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก ในประเด็น “เศรษฐกิจ 2568 “งูเล็ก” ท่ามกลางมรสุมการค้า และ Geopolitics’ โดย ดร.กิริฎา กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2568 ว่า ปีนี้มีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก (Geopolitics) หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งที่ 2

ซึ่งคาดการณ์ว่าแนวนโยบายของสหรัฐฯ จะทำให้เกิดความไม่แน่นอน และความปั่นป่วนในเศรษฐกิจโลก จากสงครามการค้าที่สหรัฐฯจะขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งประเทศไทยเองก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปที่สหรัฐฯราวร้อยละ 18 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย ขณะที่การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เพ่งเล็งไปที่ประเทศที่สหรัฐฯขาดดุลการค้าด้วย ซึ่งในปี 2567 ไทยเป็นประเทศในอันดับที่ 12 ที่สหรัฐฯขาดดุล โดยวิธีการลดขาดดุลของสหรัฐฯมี 2 วิธีคือ การขึ้นภาษีนําเข้ากับสินค้าจากประเทศไทย และ อาจจะมีเจรจาขอให้ไทยนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น


“สหรัฐฯ ต้องการขายสินค้าสินค้าเกษตรให้กับไทยมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหมู แต่ที่ผ่านมาไทยไม่อนุญาตให้นำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ เพราะมีสารเร่งเนื้อแดงเกินมาตรฐานที่ไทยกำหนด ดังนั้นไทยจึงมีความเสี่ยงที่จะถูกบีบให้เปิดการนำเข้าเนื้อหมูและสินค้าสินค้าเกษตรอื่น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะส่งผลกับผู้เลี้ยงหมูในประเทศไทย  ในขณะเดียวกันจะมีสินค้าจากจีนที่ถูกกำแพงภาษีสหรัฐฯ กีดกันที่จะทะลักเข้าไทยมากขึ้น ส่งผลกระทบกับหลายธุรกิจในประเทศอย่าง เหล็ก ปิโตรเคมี พลาสติก และสิ่งทอ แต่จะเป็นผลดีกับธุรกิจที่นำเข้าวัตถุดิบ ชิ้นส่วน หรือเครื่องจักรจากจีน ที่นำไปต่อยอดผลิตสินค้าและบริการของตนเอง” ดร.กิริฎา กล่าว

ดร.กิริฎา กล่าวต่อไปว่า แนวนโยบาย “อเมริกามาก่อน (America First)” อาจส่งผลให้สหรัฐฯ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวัน ซึ่งสถานการณ์ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันอาจเพิ่มมากขึ้น และส่งผลต่อค่าระวางเรือขนส่งสินค้าจากญี่ปุ่น และจีนมาไทยแพงขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่งบริษัทในไต้หวันหลายแห่งเริ่มกังวลต่อความเสี่ยง จึงโยกย้ายธุรกิจจากไต้หวันและจีนมาลงทุนในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงไทยมากขึ้น

ซึ่งตัวเลขจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พบว่า มีบริษัทต่างชาติหลายประเทศเข้ามาขอลงทุนในไทยผ่านบีโอไอ เนื่องจากมองว่าไทยเป็นพื้นที่ปลอดภัย เพราะวางตัวเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด เรื่องนี้จึงถือเป็นปัจจัยบวกกับเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็มีความเสี่ยงว่าหากบริษัทจีนย้ายโรงงานมาไทยเพื่อส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯจำนวนมาก ก็อาจทำให้ถูกสหรัฐฯเพ่งเล็งและกีดกันการนำเข้าเนื่องจากมองว่าเป็นสินค้าของบริษัทจีนได้

แม้เหรียญจะมีสองด้าน แต่ความเสี่ยงที่แทบจะไม่มีด้านบวกเลย คือปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งท่าทีของทรัมป์ สนับสนุนอิสราเอล ดังนั้นความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านจะอยู่ต่อไป โดยหากเกิดความไม่สงบขึ้นอาจจะส่งผลให้มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมัน ก็จะกระทบต่อราคาพลังงานทั่วโลก ทั้งนี้ ปี 2568 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะค่อนข้างผันผวน จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเพราะว่ามีความเสี่ยงมาก และความไม่แน่นอนก็มีหลายอย่าง ซึ่งถ้าเราตระหนัก และรับทราบปัจจัยต่างๆ ทางภูมิรัฐศาสตร์ ก็จะทำให้ไทยเตรียมตัวเพื่อรับมือได้

นอกจากประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ยังมีเรื่องค่าเงิน และอัตราดอกเบี้ย เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลสำคัญกับระบบเศรษฐกิจโลก โดยหากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจะทำให้ต้นทุนการผลิตของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจจะลดดอกเบี้ยนโยบายเพียง 2 ครั้ง หรือ 0.5 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าตลอดทั้งปีจะลดถึง 4 ครั้ง หรือ 1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย คาดว่าจะลดลงร้อยละ 0.25 ในปีนี้ ส่วนค่าเงินบาทนั้นประมาณการว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 35 บาทต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ และผันผวนระหว่างปี ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงของไทย เนื่องจากไทยพึ่งพาการส่งออกและนำเข้ามาก

“การที่มีสงครามการค้าจะทำให้เศรษฐกิจโลกโตช้าลง ทำให้ไทยไม่ได้รับผลกระทบเฉพาะแค่การส่งออกไปสหรัฐฯเท่านั้น แต่ตลาดส่งออกหลักๆ ของไทยทั้งยุโรป ญี่ปุ่น ก็กระทบไปด้วย เพราะเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ก็ชะลอตัวลงเช่นกัน  คาดการณ์ในปีนี้การส่งออกไทยอาจจะโตแค่ประมาณ 1- 2 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ปี 2567 โต 4-5 เปอร์เซ็นต์” ดร.กิริฎา ระบุ

ดร.กิริฎา เภาพิจิตร 

ดร.กิริฎา ยังกล่าวอีกว่า เมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในโลกมากมาย สิ่งรัฐบาลจะต้องมีคือ “กระสุน” หรือ เงินงบประมาณ เพราะหากมีวิกฤติอะไรเกิดขึ้น เช่น ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ภัยธรรมชาติ หรือ โรคระบาด จะต้องมีงบประมาณที่จะใช้จ่ายในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งรัฐบาลอาจไม่ต้องถึงกับมีเงินเก็บ แต่ว่าถ้าไม่สร้างหนี้เยอะในวันนี้ ก็แปลว่าในอนาคตเราสามารถที่จะกู้เงินได้เพิ่มถ้าจำเป็น

ในทางกลับกัน หากวันนี้เรากู้เงินจนเต็มเพดานแล้ว พอมีวิกฤตเกิดขึ้นตอนนั้นรัฐบาลก็จะช่วยประชาชนได้ยาก เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง และมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์กับการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ไม่ใช่มาตรการระยะสั้น เพราะความไม่แน่นอนเหล่านี้ ไม่ได้อยู่กับเราแค่ปีนี้ แต่จะอยู่อย่างน้อยๆ 4 ปี ตามวาระของประธานาธิบดีสหรัฐฯ

“รัฐควรลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เช่น สัญญาณอินเทอร์เน็ตให้เร็วและแรง เพราะเป็นปัจจัยที่ภาคธุรกิจด้านดิจิทัล และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต้องการ ซึ่งหากพัฒนาในเรื่องนี้ได้จะสามารถดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในไทยได้ รวมไปถึงการส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาด การยกระดับทักษะแรงงาน และการลดข้อจำกัดในการลงทุน โดยปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียบการขออนุญาตต่างๆที่ยังมีความซ้ำซ้อนอยู่ ให้เอื้อต่อการลงทุนและการทำธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปได้” ดร.กิริฎา กล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณเรื่องจาก

https://tdri.or.th/2025/01/overall-economics-geopolitics-2025/

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ มิ.ย.ลด เหตุปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ มิ.ย.ลด เหตุปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย. ต่ำสุดในรอบ 28 เดือน ผลพวงการเมืองไร้เสถียรภาพ-สงครามการค้า-เศรษฐกิจชะลอตัว ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย. ต่ำสุดในรอบ 28 เดือน ผลพวงการเมืองไร้เสถียรภาพ-สงครามการค้า-เศรษฐกิจชะลอตัว
  • สุชาติหนุนซอฟต์พาวเวอร์ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ไทย สุชาติหนุนซอฟต์พาวเวอร์ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ไทย
  • หอการค้าไทยยังมีหวัง ลุ้นทรัมป์รับข้อเสนอใหม่ไทย หอการค้าไทยยังมีหวัง ลุ้นทรัมป์รับข้อเสนอใหม่ไทย
  • ‘หอการค้าฯ’หวังดีลสหรัฐฯ ไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราต่ำสุด ‘หอการค้าฯ’หวังดีลสหรัฐฯ ไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราต่ำสุด
  • ‘จตุพร’เครื่องร้อนเกาะติดผลเจรจา‘ภาษีสหรัฐ’ เตรียมเดินสายต่างจังหวัด ‘จตุพร’เครื่องร้อนเกาะติดผลเจรจา‘ภาษีสหรัฐ’ เตรียมเดินสายต่างจังหวัด
  •  

Breaking News

'เชอรี่ เข็มอัปสร'แอบตลก! แฟนคลับจับจิ้นกับ'ดิว ปิ่นกมล' กลัวผิดศีล5เพื่อนซี้แต่งงานแล้ว

มทภ.2 เรียกร้องผู้นำกัมพูชาตำหนิหญิงเขมร-ขอโทษทหารไทยที่ถูกผลักอกล้ม

(คลิป) ‘เดชอิศม์’เผยงบ1.57แสนล้าน กระจุกแต่พื้นที่ฐานเสียง'ภท.'จนน่าเกลียด

ใจละลายทั้งโซเชียล! 'นุ่น วรนุช'อวดลุคสุดงดงามในชุดไทยล้านนา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved