ดีนี่  ทุ่มงบการตลาด 200 ล้าน  ดึง “แดน-แพทตี้” พร้อมลูกแฝด "น้องลิกก้า – น้องโรร่า" นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ครอบครัวล่าสุด ตั้งเป้ายอดขายพุ่งทะลุ 4,000 ล้าน!

คุณศิริสุภา อาจสัญจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์เด็กมีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท และยังมีแนวโน้มขยายตัว ราว 7-8% โดยเฉพาะตลาดครีมอาบน้ำเด็ก ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 8% โดยคาดว่าปี 2568 ตลาดผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำเด็ก จะยังเติบโตต่อเนื่อง ด้วยพฤติกรรมที่พ่อ-แม่หันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและมีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ เพราคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกมากขึ้น  ซึ่งดีนี่เองเราเติบโตได้เป็นอย่างดี ทั้งในกลุ่มครีมอาบน้ำเด็กแรกเกิด เด็กเล็ก ไปจนถึงเด็กโต ดีนี่มีปัจจัยบวกจากการที่ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และผ่านการทดสอบต่างๆ ที่สร้างความมั่นใจกับกลุ่มพ่อแม่หลายๆ ครอบครัวว่า ยิ่งใช้ ยิ่งใช่ ยิ่งเชื่อใจดีนี่ จึงเป็นผลทำให้ดีนี่พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ และได้มาตรฐานที่ดี เพื่อการเติบโตที่ไม่หยุดยั้ง

ส่วนตลาดซักผ้าและปรับผ้านุ่มเด็กยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มูลค่ารวมกันมากกว่า 1,200 ล้านบาท เติบโต 5% โดยแบรนด์ดีนี่ ยังคงเป็นเจ้าตลาดที่มียอดขายอันดับหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก มายาวนานถึง 8 ปีซ้อน และเป็นผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก ที่มียอดขายอันดับหนึ่ง ยาวนานถึง 7 ปีซ้อน จากการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กับตลาดและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงคุณภาพและราคาที่จับต้องได้

“แม้อัตราการเกิดของประชากรไทยจะลดลง แต่ตลาดผลิตภัณฑ์เด็กยังคงเติบโตสวนทาง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยในปัจจุบันหันมาให้ความสำคัญกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กมากขึ้น นอกจากจะมองหาผลิตภัณฑ์เด็กที่มีคุณภาพ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องความอ่อนโยนและปลอดภัยใช้แล้วไม่แพ้ไม่เกิดอาการระคายเคืองเป็นอันดับหนึ่ง จึงใส่ใจไปถึงส่วนผสมที่เลือกใช้ ขณะเดียวกันยังมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ครอบคลุม จึงทำให้สมรภูมิการแข่งขันในตลาดผลิตภัณฑ์เด็ก ซึ่งมีทั้งผู้เล่นเดิม และแบรนด์ใหม่ๆ ที่พยายามเข้ามาเจาะตลาด ทวีความดุเดือดมากกว่าในอดีต”

สำหรับการเปิดเกมรุกครั้งใหม่ ศิริสุภา เผยถึงกลยุทธ์การตลาดของดีนี่ในปี 2025 ที่ยังคงมุ่งมั่นดูแลชีวิตประจำวันของทุกคนให้ได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อช่วยยกระดับความสุขของผู้บริโภคให้ทุกวันดียิ่งขึ้น และสร้างการเติบโตยั่งยืน ว่า ดีนี่ยังคงชูกลยุทธ์ Presenter Marketing หรือ การใช้พรีเซนเตอร์ ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนของแบรนด์ในการสื่อสารและสร้างความเชื่อมั่นไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ ที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายในปีนี้ของแบรนด์ทะยานแตะ 4,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ ดีนี่ทุ่มงบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท ประเดิมด้วยการเลือกคุณพ่อ “แดน” วรเวช ดานุวงศ์, คุณแม่ “แพทตี้” อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา และ น้องลิกก้า – น้องโรร่า แฝดชายหญิงสุดน่ารักมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ครอบครัว

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กภายใต้แบรนด์ดีนี่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ซักผ้า ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ทั้งแบบเด็กแรกเกิดจนถึงเด็กโตและผู้ใหญ่ ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวสำหรับเด็กทารก เด็กเล็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่ และในอนาคต ดีนี่ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายและครอบคลุมสมาชิกทุกเจนในครอบครัว

สำหรับผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ในกลุ่มออร์แกนิค ที่ได้รับความเชื่อถือจากคุณพ่อคุณแม่ทั่วประเทศ การันตีด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงคว้ารางวัลต่างๆ ในทุกๆ ปี ได้แก่ ดีนี่ ออร์แกนิค สบู่เหลวอาบและสระ (D-nee Organic Head & Body Baby Wash) 100% Organic Aloe Vera Oil สูตรใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี Organic Aqua Active เอกสิทธิ์เฉพาะของดีนี่ ช่วยคงความชุ่มชื้น ให้ผิวและเส้นผม พร้อมกลิ่นหอมติดผิวยาวนาน ถึง 8 ชม. 

ดีนี่ ออร์แกนิค ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก (D-nee Organic Baby Liquid Detergent for New Born) ผู้นำยอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก 8 ปีซ้อน สูตรใหม่ ล้างฟองออกง่าย ประหยัดน้ำ 3 เท่า ด้วยเทคโนโลยี Quick Rinse พร้อมพลังทำความสะอาดคราบสกปรกลึกถึงเส้ยใย ด้วย Duo Enzyme เอนไซม์จากธรรมชาติ

ดีนี่ ออร์แกนิค ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก (D-nee Organic Baby Fabric Softener) ผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก ที่มียอดขายอันดับ 1 ยาวนานถึง 7 ปีซ้อน โฉมใหม่ ดีไซน์น่ารักสดใส แต่ยังคงคุณสมบัติ ความนุ่ม หอม และอ่อนโยนต่อผิว ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ Organic Chamomile และ สารให้ความนุ่มจากธรรมชาติ ช่วยให้ผ้านุ่มฟู ไม่บาดผิวบอบบางของทารก

“เป้าหมายใหญ่ของดีนี่ในปี 2025 ยังคงตอกย้ำวิสัยทัศน์ของดีนี่ที่ต้องการเป็นแบรนด์อันดับ1 ในตลาดสินค้าเด็กที่สามารถสร้างความเชื่อใจและมั่นใจให้กับผู้บริโภคทุกยุคทุกสมัย และในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เรามุ่งที่จะมีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีความต้องการหลากหลาย รวมถึงผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มมากขึ้น” ศิริสุภา กล่าว

- 030