พาณิชย์ แจงเงินช่วยชาวนา  2.8 พันล้าน ไม่กระทบงบประมาณ

พาณิชย์ แจงเงินช่วยชาวนา 2.8 พันล้าน ไม่กระทบงบประมาณ

วันพฤหัสบดี ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 16.40 น.

พาณิชย์” เผยเบื้องหลัง นบข. เคาะไร่ละพัน ช่วยชาวนา ใช้ งบเหลือจ่ายจากมาตรการเข้านาปี เม็ดเงิน เงิน 2.8 พันล้านบาท ไม่กระทบงบประมาณ เหตุ ปรับจากมาตรการฝากเก็บ หวั่นเกษตรกรไม่มาไถ่ถอน จะเป็นภาระรัฐบาล พร้อมเดินหน้าผลักดันปลูกพืชชนิดอื่น หรือใช้ข้าวพันธุ์ ที่กรมการข้าวรับรองและเหมาะสม ล่าสุดมีขึ้นทะเบียนแล้ว 2.3 แสนครัวเรือน 4 ล้านไร่ แจ้งเกษตรกรขึ้นทะเบียนก่อน 30 เม.ย. 

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ดำเนินการชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้พี่น้องเกษตรกร โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) วานนี้ (26 กุมภาพันธุ์ 2568) ได้มีนำเสนอมาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกเจ้านาปรัง ปีการผลิต 2568 หลายมาตรการ ทั้งมาตรการที่ผ่านการพิจารณาของคณะอนุ นบข.ด้านการตลาด อนุ นบข.ด้านการผลิต และข้อเสนอของเกษตรกร แต่สุดท้ายเลือกมาตรการ ที่ช่วยเหลือชาวนาโดยตรงและจะไม่เป็นภาระแก่รัฐบาลภายหลัง คือ การจ่ายเงินชดเชยเกษตรกรโดยตรงไร่ละ 1,000 บาท คนละไม่เกิน 10 ไร่ วงเงินงบประมาณ 2,867.23 ล้านบาท เพราะเป็นมาตรการที่ช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันที และไม่กระทบการใช้งบประมาณ เพราะมีวงเงินจากมาตรการข้าวนาปี 4.7 หมื่นล้าน เหลือประมาณ 3-4 พันล้านบาท ที่จะต้องส่งคืน และขอนำกลับมาใช้ได้


ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณางบประมาณในการดูแลสินค้าเกษตร พบว่า ปี 2562-65 มีการใช้งบประมาณสูงถึงปีละ 1.07 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหาร ปี 2566-67 ได้ปรับลดงบประมาณดูแล เหลือใช้เพียง 6.5 หมื่นล้านบาท และมีมติ ครม. และ นบข. ที่กำหนดว่า การจัดทำมาตรการ โครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชย หรือประกันราคาสินค้าเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกร แต่การปรับลด ไม่สามารถทำได้ทันที ต้องมีช่วงเปลี่ยนผ่าน

“การให้ความช่วยเหลือไร่ละพันในครั้งนี้ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ ทั้งที่ปกติ ไม่เคยช่วยเหลือข้าวนาปรัง แต่เมื่อปลูกแล้ว ก็ต้องดูแล โดยในการดูแลครั้งนี้ มีเงื่อนไขชัดเจนว่าเกษตรกร จะต้องมีการปรับโครงสร้างการผลิต ซึ่ง นบข. ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมากำกับดูแล มี สภาพัฒน์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีกระทรวงมหาดไทย ภาคเอกชน ตัวแทนชาวนา และกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันดูแล จะผลักดันให้ไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นที่เหมาะสม หรือถ้ายังอยากจะปลูกข้าว ก็ต้องใช้พันธุ์ข้าวที่ดี มีผลผลิตต่อไร่สูง และเป็นที่ต้องการของตลาด”นายวิทยากรกล่าว

สำหรับขั้นตอนการจ่ายเงินให้กับเกษตรกร จะจ่ายให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปลูกข้าวนาปรังโดยตรง โดยที่กำหนดวงเงิน เบื้องต้น ไว้ 2.8 พันล้าน เพราะปี 2567 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนปลูกข้าวนาปรัง 3.2 แสนครัวเรือน ประมาณ 5.5 ล้านไร่ และปี 2568 มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 2.3 แสนครัวเรือน ประมาณ 4 ล้านไร่ โดยเกษตรกรยังสามารถขึ้นทะเบียนได้จนถึงวันที่ 30 เม.ย.2568 จากนั้น จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ

อย่างไรก็ตาม มาตรการอื่นๆ กรมยังจะดำเนินการช่วยผลักดันราคาข้าวเปลือกให้กับเกษตรกรต่อไป โดยการนำโรงสี ผู้ประกอบการเข้าไปเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในจังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูก และยังจะร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุง ในการเข้าไปรับซื้อข้าวจากเกษตรกร เพื่อนำมาผลิตข้าวถุง เป้าหมาย 5 แสนตันข้าวเปลือก จากนั้นจะร่วมมือกับห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างท้องถิ่น จัดโปรโมชันลดราคาข้าวถุง เพื่อกระตุ้นการบริโภค เพื่อดูดซับผลผลิตในช่วงฤดูกาลออกมาให้มากที่สุด“ นายวิทยากร กล่าว

- 030

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top