นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนายวรวรรณ วรรณวิล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ถึงแนวนโยบายของมาเลเซียที่จะใช้บทบาทในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ ทำการส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ชนบท และอุตสาหกรรมในชนบทออกไปสู่ตลาดระดับภูมิภาค และโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะร่วมมือกับมาเลเซีย ทั้งในด้านการลงทุนและการทำการค้า

โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า ขณะนี้ ดร.อาหมัด ซาฮิด รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ระบุว่า ในฐานะที่มาเลเซียเป็นประธานอาเซียนปีนี้ มีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ชนบทผ่านแผนระดับภูมิภาคที่ครอบคลุมมากขึ้นโดยจะเน้นเรื่องสำคัญ ได้แก่ ด้านดิจิทัล การศึกษาและฝึกอบรมด้านเทคนิค (TVET) และการเพิ่มทักษะให้ผู้หญิงในชนบท มีจุดมุ่งหมาย คือ ให้ทุกคนได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจ รวมถึงผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยมาเลเซียมีการเสนอจัดตั้งเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (AVN) เพื่อเชื่อมหมู่บ้านกับภาคเอกชนและรัฐบาล ซึ่งมาเลเซียจะใช้แพลตฟอร์มนี้ ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชนบททั่วอาเซียน เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจชนบทของอาเซียนโดยจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มการลงทุนให้สตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยี และพัฒนาคนผ่าน TVET โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีการเกษตร ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเศรษฐกิจดิจิทัล

นอกจากนี้ มาเลเซียยังมีแผนเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งตลาดโลกมีมูลค่าราว 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อาเซียนมีประชากรมุสลิมกว่า 240 ล้านคน จึงเป็นตลาดฮาลาลที่มีศักยภาพสูง โดยมาเลเซียจะกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน รัสเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์ คาดว่า อุตสาหกรรมฮาลาลจะมีส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมของมาเลเซียถึงร้อยละ 8.1

“จากนโยบายที่มาเลเซีย ต้องการสนับสนุนภาคชนบท เพื่อเชื่อมตลาดไปยังระดับภูมิภาค และการผลักดันอุตสากรรมฮาลาล จะช่วยสร้างโอกาสที่ดีในการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในมาเลเซีย และความร่วมมือในอุตสาหกรรมฮาลาล เพราะไทยมีผู้ประกอบการด้านสตาร์ทอัป และด้านดิจิทัล สามารถร่วมมือกับมาเลเซียได้ โดยเฉพาะในชนบทที่กำลังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาเลเซีย และไทยยังเป็นผู้ผลิตอาหารฮาลาลรายสำคัญของโลก ก็เป็นโอกาสสำคัญที่จะร่วมมือกันขยายตลาดไปยังต่างประเทศด้วย”นางสาวสุนันทากล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยควรที่จะศึกษาความต้องการของตลาดมาเลเซีย รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาด และควรติดตามพัฒนาการของโครงการและนโยบายที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับโอกาสและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่สามารถใช้จุดนี้ในการสร้างความร่วมมือกันเพื่อไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้

-031