นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2485 โดยวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนากรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้กรมฯ จึงได้จัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมการค้าต่างประเทศ ครบรอบ 83 ปีขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุม 802 ชั้น 8 กรมการค้าต่างประเทศ
ตลอดระยะเวลา 83 ปีที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินภารกิจสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านการกำกับดูแล กฎระเบียบ มาตรการทางการค้า และการปกป้องและสร้างความเป็นธรรมทางการค้า (2) ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น e - Service และ (3) ด้านการผลักดันและส่งเสริมสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และสินค้าเกษตรนวัตกรรม ซึ่งกรมฯ ได้ปรับและพัฒนาบทบาทภารกิจของกรมฯ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ทางการค้าในแต่ละยุคสมัย ‘จาก Controller ก้าวสู่ Integrator’ ดังนี้
ยุคแรกของกรมฯ ทำหน้าที่เป็น ‘CONTROLLER’ หรือผู้ควบคุมกฎระเบียบ (พ.ศ. 2485 – 2510) ซึ่งมีภารกิจหลักในด้านการควบคุม กำกับดูแล ส่งเสริมและเจรจาการค้าแบบเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะการควบคุมการนำเข้าสินค้าทั้งรายการสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม การออกใบอนุญาตนำเข้า - ส่งออกสินค้า รวมถึงการควบคุมมาตรฐานสินค้าส่งออกบางชนิด มาสู่ยุคที่ 2 ของการเป็น ‘REGULATOR’ หรือผู้กำกับดูแล (พ.ศ. 2511 – 2548) ที่มีภารกิจสำคัญในการจัดสรรโควตาส่งออก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไทยมีการทำความตกลงระหว่างประเทศในการกำหนดโควตาการนำเข้าสินค้าบางชนิด เช่น สิ่งทอ กาแฟ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น
กรมฯ เข้าสู่ยุคที่ 3 (พ.ศ. 2548 – 2556) ที่พัฒนาตัวเองมาเป็น ‘FACILITATOR’ หรือผู้อำนวยความสะดวก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไทยมีการเปิดตลาดสำหรับสินค้าตามพันธกรณีที่มีต่อองค์การการค้าโลก (WTO) และความตกลงเขตการค้าเสรี จึงมุ่งเน้นส่งเสริมสนับสนุนการออกหนังสือรับรองสำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้า และในยุคที่ 4 กรมฯ ได้ผันตัวเป็น ‘MENTOR’ หรือผู้ให้คำปรึกษา (พ.ศ. 2557 - 2567) เป็นเพื่อนคู่คิดให้แก่ผู้ประกอบการ ที่มุ่งมั่นในการปฏิบัติงานด้านการค้าต่างประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ ผู้รับบริการ และประชาชน ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อำนวยความสะดวกและให้บริการด้วยนวัตกรรมดิจิทัล การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลงเขตการค้าเสรี ไปจนถึงการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ
นางอารดา กล่าวว่า ในปี 2568 นี้ กรมฯ ได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่ 5 ‘INTEGRATOR’ หรือผู้บูรณาการการค้า ที่จะมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศทางการค้าผ่านการเชื่อมโยงข้อมูล เทคโนโลยี ภาคีเครือข่าย
และกลไกเชิงกลยุทธ์ เพื่อบูรณาการความร่วมมือทุกมิติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าไทยสู่สากลอย่างยั่งยืน ด้วยการยกระดับงานบริการด้วยนวัตกรรมดิจิทัลสมัยใหม่อย่างครบวงจร ผ่านการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานอย่างเปิดกว้าง (Data Integration) การผสานความร่วมมือกับภาคีพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในเชิงรุก (Trade Network Integrator) การประสานความร่วมมือและบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย และการลดอุปสรรค สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจการค้าต่างประเทศอย่างยั่งยืน (Seamless Trade Integration) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของการพลิกโฉมองค์กรสู่โลกยุคใหม่ เพื่อรองรับโลกในยุคปัจจุบันและโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน กรมฯ ยังได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ 1. การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับกรมสุขภาพจิต ภายใต้โครงการ “สุขภาพใจ เรื่องใกล้ตัวที่ควรตระหนัก” เพื่อดูแลส่งเสริมสุขภาพทางกายและใจของบุคลากรกรมฯ ให้ดียิ่งขึ้นอย่างครบวงจร โดยพุ่งเป้าเสริมสร้างความแข็งแรงด้านร่างกาย ส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาวะทางจิตใจให้แก่บุคลากรกรมฯ ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่บรรลุตามภารกิจของกรมฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้เป็นหน่วยงานสุขภาวะ (Happy Workplace) และเป็นองค์กรที่มีความสุข และ 2. การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เพื่อยกระดับงานบริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า ด้วยการพัฒนาระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ผู้รับบริการสามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายๆ ภายใต้ระบบ DFT SMART – I และ DFT SMART C/O ซึ่งสามารถยื่นคำขอ พิมพ์เอกสาร และชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ศูนย์บริการ มุ่งสู่เป้าหมายการให้บริการแบบ No Visit อย่างเต็มรูปแบบ ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ (Citizen Centric) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ต่อยอดงานบริการของกรมฯ ให้ทันสมัย ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“กรมการค้าต่างประเทศพร้อมก้าวสู่ปีที่ 84 เพื่อบูรณาการและขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศของไทยในทุกมิติ มุ่งเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการไทย รองรับความผันผวนและความเปลี่ยนแปลงทางการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเร่งสร้างขีดความสามารถและพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย เพื่อสร้างแต้มต่อและความได้เปรียบทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้น และเดินหน้าผลักดันการค้าไทยให้เติบโตและก้าวสู่เวทีโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป” นางอารดากล่าว
ผู้ประกอบการสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก - นำเข้าสินค้า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้า การค้าชายแดน กฎ ระเบียบ และมาตรการทางการค้าต่างๆ หรือข้อมูลเกี่ยวกับการค้าต่างประเทศต่าง ๆ สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385 หรือเว็บไซต์ www.dft.go.th หรือ Facebook “กรมการค้าต่างประเทศ DFT”
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี