นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้มีการประชุมร่วมกับประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ผ่านระบบทางไกล โดยมีการออกแถลงการณ์ร่วมยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาความเป็นกลางทางเศรษฐกิจ เดินหน้าส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างสมดุล พร้อมหลีกเลี่ยงมาตรการตอบโต้ทางการค้า
โดยที่ประชุมเน้นย้ำการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดหลักการคาดการณ์ได้ โปร่งใส เสรี เป็นธรรม ครอบคลุม และยั่งยืน โดยมีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นกลไกหลัก ตลอดจนมุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่ค้าหลักให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ซึ่งไทยจะร่วมกับอาเซียนผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระดับโลก พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยใช้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจลดผลกระทบต่อการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะการผลักดันความตกลงทางการค้าที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับจีน อาเซียนและไทยได้ร่วมกันเร่งรัดการลงนามยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีนภายในปีนี้ เพื่อขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน
สำหรับญี่ปุ่น ไทยได้เสนอให้ขยายความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อส่งเสริมให้อาเซียนเป็นฐานการผลิตและห่วงโซ่อุปทานสำคัญของญี่ปุ่นในอนาคต ขณะที่กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่ประชุมเห็นพ้องให้เร่งใช้ประโยชน์จากการยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–ออสเตรเลีย–นิวซีแลนด์ ในสาขาเศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจสีน้ำเงิน พลังงานทดแทน และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ปี 2567 จีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอาเซียน ด้วยมูลค่าการค้ารวม 770,936.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.63% จากปีก่อนหน้า คิดเป็น 19.76% ของการค้ารวมอาเซียนในตลาดโลก โดยอาเซียนส่งออกไปจีนมูลค่า 290,846.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+1.20%) และนำเข้า 480,089.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+17.25%) และญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 มูลค่าการค้ารวม 235,136.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอาเซียนส่งออก 119,673.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 115,462.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นคู่ค้าอันดับ 6 และ 10 ตามลำดับ โดยมูลค่าการค้าระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียอยู่ที่ 94,410.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ส่งออก 51,957.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 42,452.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และกับนิวซีแลนด์อยู่ที่ 11,949.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ส่งออก 7,164.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 4,785.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
อนึ่งก่อนหน้านี้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เข้าร่วมการหารือทวิภาคีกับนายมิยาจิ ทาคูมะ รมช.ต่างประเทศของญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นในช่วงการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (APEC Ministers Responsible for Trade Meeting) ณ จังหวัดเชจู สาธารณรัฐเกาหลี โดยได้หารือแนวทางความร่วมมือและการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับญี่ปุ่น พร้อมทั้งเชิญชวนญี่ปุ่นลงทุนในไทย
ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดและเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย โดยญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าลำดับ 3 และเป็นนักลงทุนสะสมลำดับ 1 ของไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน และการหารือในครั้งนี้ได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติม ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตทั้งยานยนต์สันดาปและยานยนต์ยุคใหม่ให้กับญี่ปุ่น และในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ AI แผงวงจรพิมพ์ (PCB) และเทคโนโลยีขั้นสูง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี