นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) ประจำเดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ระดับ 52.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 51.5 หลังจากหดตัวต่อเนื่องนาน 4 เดือน โดยได้รับแรงหนุนในระยะสั้นจากเทศกาลมหาสงกรานต์ ซึ่งส่งผลดีต่อภาคบริการเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่า ผลบวกจากเทศกาลสงกรานต์ลดลงอย่างชัดเจน อันเป็นผลจากช่วงเปลี่ยนผ่านของผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้กิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวหลายพื้นที่หยุดชะงัก เพราะไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ ต้องพึ่งพาภาคเอกชนเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ภาคการผลิตหลายสาขายังคงเผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยังมีความไม่ชัดเจน ส่วนภาคธุรกิจการเกษตรปรับตัวดีขึ้น จากการเข้าสู่ช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิตนอกฤดูกาลเพาะปลูก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลาง ทั้งนี้ เมื่อหักปัจจัยฤดูกาลออกแล้ว ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากดัชนีองค์ประกอบปัจจุบัน พบว่า องค์ประกอบดัชนีส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากอานิสงส์ในช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์ โดยองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อโดยรวม กำไร การลงทุนโดยรวม ปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ และการจ้างงาน ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 57.1, 54.7, 50.2, 56.1 และ 49.9 เป็นระดับ 59.6, 56.5, 51.0, 56.8 และ 50.1 ขณะที่องค์ประกอบด้านต้นทุนรวม (ต่อหน่วย) ปรับลดลงจากระดับ 41.2 ลงมาอยู่ที่ 39.7 แสดงให้เห็นถึง SME มีความกังวลต่อต้นทุนในการประกอบธุรกิจ เช่น ราคาเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า การขนส่ง เป็นต้น
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME รายภาคธุรกิจ พบว่า ยอดขายสินค้าปลีกเพิ่มขึ้นจากเทศกาลมหาสงกรานต์ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในภาคการผลิต ภาคการค้า และภาคการบริการปรับดีขึ้น เช่นเดียวกับการขยายตัวด้านผลผลิตในกลุ่มธุรกิจการเกษตร ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME รายภูมิภาค พบว่า ภาพรวมของค่าดัชนีในทุกภูมิภาคจะยังอยู่เหนือระดับค่าฐานและกลับมาปรับเพิ่มขึ้น แต่ยังเห็นแรงกดดันในระยะยาว ทั้งกำลังซื้อที่หดหายและมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ
นางสาวปณิตา กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 54.4 จากระดับ 54.7 ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนมีนาคม ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่อ่อนตัวลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของท่าทีรัฐบาล นอกจากนี้ หากการเจรจาขอผ่อนปรนมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ไม่ประสบผลสำเร็จ ภายในกรอบเวลา 90 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคมนี้ ยิ่งจะซ้ำเติมความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ทั้งจากแรงกดดันของสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้น และความสามารถในการแข่งขันของห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าหลายสาขาธุรกิจ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค จะได้รับอานิสงส์และปัจจัยบวกจากเทศกาลมหาสงกรานต์ แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคที่แผ่วลงอย่างชัดเจน ประกอบกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ภาระหนี้สะสม และการที่อยู่ในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนซึ่งทำให้ผู้ปกครองต้องระมัดระวังการใช้จ่าย ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้การดำเนินธุรกิจของ SME เป็นไปอย่างยากลำบาก ดังนั้น SME จึงต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐในหลายด้าน อาทิ การบรรเทาต้นทุนการผลิต เช่น วัตถุดิบอาหาร ปัจจัยทางการเกษตร และค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น การเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ มาตรการกระตุ้นการบริโภคที่ช่วยหนุนการใช้จ่ายในระยะยาว นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น ตลอดจนการยกระดับขีดความสามารถของสินค้าและบริการไทยให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดแค่เพียงนักท่องเที่ยวจีน
“สสว. ยังคงเดินหน้าโครงการและมาตรการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุน SME อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ SME Privilege ที่ร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายหน่วยงาน เพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์ให้แก่ SME ทั้งด้านการขยายช่องทางตลาด การเข้าถึงแหล่งทุน และการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้มีความสามารถในการแข่งขัน”นางสาวปณิตากล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี