นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เผยว่า ภาพรวมดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนพฤษภาคม 2568 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2567 หดตัวจากราคาสินค้าในทุกหมวด โดยราคาสินค้าหมวดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จากอุปทานส่วนเกินที่สูงตามปริมาณผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดมากจากทั่วทั้งภูมิภาค ในขณะที่อุปสงค์จากตลาดส่งออกชะลอตัวลง หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มีทิศทางเคลื่อนไหวตามอุปสงค์ของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ชะลอตัวลงจากภาวะการค้าโลกที่ไม่แน่นอน ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนพฤษภาคม 2568 เท่ากับ 109.4 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2567 ลดลงร้อยละ 3.7 (YoY) เป็นผลจากการลดลงของราคาสินค้า หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 9.4 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า จากฐานราคาของปีก่อนที่สูง ประกอบกับประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญยกเลิกมาตรการระงับการส่งออก อ้อย จากฐานราคาของปีก่อนที่สูงจากภาวะแล้ง หัวมันสำปะหลังสด จากการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตามความต้องการที่ลดลงในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ยางพารา จากราคาส่งออกในปีนี้ที่ลดลงตามภาวะการค้าโลกที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้ความต้องการของตลาดปลายทางลดลง และโคมีชีวิต จากความต้องการบริโภคที่ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง สำหรับสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย ข้าวเปลือกเหนียว จากความต้องการบริโภคในประเทศที่สูงขึ้น ผลปาล์มสด จากความต้องการสินค้าเพิ่มจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลไม้ (มะพร้าว สับปะรดโรงงาน) จากความต้องการของตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สุกรมีชีวิต จากปริมาณผลผลิตในภาพรวมที่ลดลง ในขณะที่ความต้องการบริโภคในปีนี้ปรับตัวดีขึ้น และกุ้งแวนนาไม จากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดลดลงจากต้นทุนการเพาะเลี้ยงที่สูงขึ้น หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 4.7 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และก๊าซธรรมชาติเหลว ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก สินแร่โลหะ (แร่เหล็ก ดีบุก สังกะสี) จากการชะลอตัวของอุปสงค์ และการแข่งขันในตลาดโลก และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้จากการทำเหมือง (ยิปซัม เกลือ) จากผลผลิตที่ออกมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาปรับลดลง และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 2.9 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา น้ำมันก๊าด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เนื่องจากเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ สารพอลิเมอร์และสารเคมีอินทรีย์อื่น ๆ เอทานอล คลอรีน เม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น ยางสังเคราะห์ ปรับราคาตามวัตถุดิบที่ลดลง กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า แผงวงจรพิมพ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำและวงจรรวม Integrated Circuit (IC) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์รับข้อมูล/แสดงผล ปรับตามอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ น้ำตาลทราย มันเส้น แป้งมันสำปะหลัง ปลากระป๋อง ไก่สด แช่เย็นหรือแช่แข็ง เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกลดลง ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ทองคำ เคลื่อนไหวตามอุปสงค์ของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิถุนายนปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวอยู่ในระดับเดียวกับช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญจาก 1) สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มเข้ามาเพิ่มขึ้นจากการระบายสินค้าอุปทานส่วนเกินของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ส่งผลต่อราคาสินค้าของผู้ผลิตในประเทศ 2) ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรสำคัญที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค ส่งผลต่อราคาในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง 3) อุปสงค์ของตลาดปลายทางในภาพรวมที่ชะลอตัวลง กระทบต่อการแข่งขันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นในตลาดส่งออก และ 4) ค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่า กระทบต่อราคาสินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออก ส่วนปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ อุปสงค์การสต็อกสินค้าในช่วงระยะเวลาขยายมาตรการด้านภาษีของสหรัฐอเมริกาอาจส่งผลให้ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการด้านภาษีของสหรัฐฯ และภาวะการค้าของคู่ค้าสำคัญ รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีความไม่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในทิศทางใด ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายพูนพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับตัวลดลงในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เกิดจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ โดยปัจจัยภายนอก ได้แก่ ความไม่แน่นอนของมาตรการทางการค้าและภาษีที่ส่งผลให้ตลาดปลายทางชะลอคำสั่งซื้อ และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออก ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้กำลังซื้อภาพรวมภายในประเทศหดตัวลง ทั้งนี้ ควรมีมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมประสิทธิภาพของห่วงโซ่การผลิตผ่านการยกระดับนวัตกรรม เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมในประเทศ และเสริมความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของผู้ประกอบการในภาคการส่งออก
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี