นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประจำเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 54.2 ปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 27 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นมา
โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 48.1 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ระดับ 51.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 62.7 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เป็นผลมาจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจากนโยบายทรัมป์2.0 และรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปี 2568 นอกจากนี้แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ใช้นโนบายการเงินผ่อนคลาย จากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว 2 ครั้ง รวม 0.5% แต่ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้า และการเข้าถึงสินเชื่อเป็นได้ด้วยความยากลำบาก
“การที่ดัชนีความเชื่อมั่นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ และค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต โดยจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง”นายธนวรรธน์ กล่าว
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย(TCC INDEX) ประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นผลสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจและหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 48.0 ลดลงจากระดับ 48.3 ในเดือนเมษายน 2568 สะท้อนถึงแนวโน้มความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ยังคงอยู่ในช่วงขาลง และถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดของปี 2568 นี้
โดยดัชนีความเชื่อมั่นลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อภาวะเศรษฐกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังสามารถขยายตัวได้เล็กน้อยจากการเร่งผลิตเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯจะมีผลบังคับใช้ ส่วนด้านการค้า แม้จะมีการปรับตัวดีขึ้นในบางช่วง แต่เริ่มมีสัญญาณของการชะลอตัวจากการที่ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้การบริโภคอยู่ในระดับไม่สูงนัก กระทบต่อรายได้และผลกำไรของภาคธุรกิจ นอกจากนี้ ยังพบสัญญาณการปรับตัวลดลงของการจ้างงาน และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยกดดัน
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นแยกตามภูมิภาค พบว่า กรุงเทพฯและปริมณฑล อยู่ที่ 47.9 ลดลงจาก 48.0, ภาคกลาง อยู่ที่ 47.5 ลดลงจาก 47.7, ภาคตะวันออก อยู่ที่ 51.3 ลดลงจาก 51.7, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ 47.0 ลดลงจาก 47.4, ภาคเหนือ อยู่ที่ 47.8 ลดลงจาก 48.0 และภาคใต้ อยู่ที่ 46.7 ลดลงจาก 47.1 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกภูมิภาคมีความเชื่อมั่นลดลงจากเดือนเมษายน
ทั้งนี้ปัจจัยลบที่ส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่น ได้แก่ การที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกปี 2568 ขยายตัวเพียง 3.1% โดยเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราว และได้มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 นี้เหลือเพียง 1.3-2.3% นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งเศรษฐกิจในภาพรวมยังฟื้นตัวได้ช้า ขณะที่ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น แต่รายได้ของประชาชนไม่สอดคล้อง ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยลดลง
ด้านตลาดหุ้นไทย SET Index ในเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับตัวลดลง 48.08 จุด จากระดับ 1,197.26 ณ สิ้นเดือนเมษายน มาอยู่ที่ 1,149.18 จุด ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม ขณะเดียวกันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจาก 33.746 บาท/ดอลลาร์ เป็น 32.934 บาท/ดอลลาร์ สะท้อนถึงการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ และยังมีปัจจัยความเสี่ยงจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก ทั้งสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากภาพรวมดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจไทยยังขาดความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจในระยะสั้น และต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงภายในและภายนอกประเทศอย่างใกล้ชิดในช่วงต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี