นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ. สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกสินค้าอาหารจากไทยไปยังตลาดฮาลาล กลุ่มประเทศองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation: OIC) พบว่าในปี 2567 การส่งออกสินค้าอาหารจากไทยไปยังตลาด OIC มีมูลค่า 7,131.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (252,164 ล้านบาท) เติบโตกว่าร้อยละ 6.3 ตอกย้ำความแข็งแกร่งของอาหารไทยในตลาด OIC ชี้โอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการ และในปี 2568 ตลาดฮาลาลทั่วโลกยังเต็มไปด้วยโอกาสจากความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม OIC หากได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
ทั้งนี้สหประชาชาติเผยสถิติประชากรโลก ปี 2567 มี 8,119 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวมุสลิม 1,907 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.5 ของประชากรโลก และคาดการณ์ว่าในปี 2593 ชาวมุสลิมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,761 ล้านคน และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.7 ของประชากรโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของตลาดฮาลาลที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้บริโภคชาวมุสลิมยังมีแนวโน้มการใช้จ่ายต่อหัวสูงและขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจโลกอิสลาม Salaam Gateway ประเมินตลาดสินค้าฮาลของโลก ในปี 2567 มีมูลค่า 2.35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มครองแชมป์ด้วยมูลค่า 1.38 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.7 ของตลาดฮาลาลโลก รองลงมา คือ สินค้าแฟชั่น สื่อและสันทนาการ การท่องเที่ยว ยา และเครื่องสำอาง มีสัดส่วนร้อยละ 13.2 11.5 8.9 4.5 และ 3.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ปี 2570 ตลาดสินค้าฮาลาลจะมีมูลค่า 3.10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.7 ต่อปี โดยสินค้าอาหารและเครื่องดื่มฮาลาล มีมูลค่า 1.89 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 11.0 ต่อปี
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า อาหารฮาลาลไม่ได้จำกัดอยู่แค่ชาวมุสลิม เพราะเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม สะอาด และถูกหลักอนามัย ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปให้ความสนใจและหันมาบริโภคมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการอาหารฮาลาลมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศ OIC เมื่อพิจารณาการส่งออกสินค้าอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลจากโลกไปยังกลุ่มประเทศ OIC ในปี 2567 พบว่ามีมูลค่า 247,362 ล้านเหรียญสหรัฐ (8.72 ล้านล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยประเทศผู้ส่งออกสำคัญ ได้แก่ บราซิล อินเดีย จีน ตุรกี และสหรัฐอเมริกา ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 10 ของประเทศผู้ส่งออกอาหารไปยังตลาด OIC สำหรับประเทศผู้นำเข้าสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย ซาอุดีอาระเบีย และตุรกี
สำหรับไทย การส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าไปสู่ตลาดโลก โดยในปี 2567 มูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลของไทยไปยังตลาด OIC อยู่ที่ 7,131.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (252,164 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 6.3 จากปีก่อน โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดของไทย คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 68.5 ของมูลค่าการส่งออกอาหารไปตลาด OIC สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ ข้าว (HS 1006) ปลาทูน่ากระป๋อง (HS 160414) น้ำตาลทราย (HS 1701) อาหารสัตว์เลี้ยง (HS 2308 และ 2309) และสิ่งปรุงรสอาหาร(HS 2103 และ 2209) ทั้งนี้ ไทยยังคงมีความได้เปรียบในด้านคุณภาพสินค้า การแปรรูปอาหาร และการมีระบบรับรองฮาลาลที่น่าเชื่อถือ
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ประเทศในกลุ่ม OIC โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีกำลังซื้อเฉลี่ยต่อหัวที่สูง และมีความต้องการสินค้าอาหารฮาลาลที่ได้มาตรฐานสากล ดังนั้น ประเทศไทยต้องรักษาภาพลักษณ์การเป็นผู้ผลิตอาหารฮาลาลคุณภาพสูง พัฒนามาตรฐานสินค้า และทำตลาดเชิงรุกในกลุ่ม OIC เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเร่งขยายตลาด โดยควรดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น สนับสนุนผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าและบรรจุภัณฑ์ เร่งสร้างมาตรฐานฮาลาลสากล ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานฮาลาลในกลุ่มประเทศ OIC และจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในประเทศกลุ่มเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทยในเวทีโลก
อย่างไรก็ตามอนาคตของตลาดอาหารฮาลาลยังคงสดใส และประเทศไทยมีศักยภาพที่จะก้าวเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกอาหารฮาลาลที่สำคัญของโลกได้ ภายใต้นโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก Kitchen of the World” ที่เน้นการพัฒนาคุณภาพ ความหลากหลาย และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตคาดว่าตลาดอาหารฮาลาลโลกจะเติบโตยิ่งขึ้นตามความต้องการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย และตรวจสอบแหล่งที่มาได้จากผู้บริโภคทั้งที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม และในฐานะที่ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกอาหารชั้นนำของโลก ทั้งยังมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีการผลิตอาหารที่ทันสมัย ผู้ประกอบการสินค้าอาหารของไทยจึงไม่ควรพลาดโอกาสที่จะขยายการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าว
“สินค้าอาหารฮาลาลไทยยังมีศักยภาพขยายตัวได้อีกมากในกลุ่ม OIC ไม่เพียงแค่กลุ่มสินค้าเดิมแต่รวมถึงสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์เทรนด์การบริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะสินค้าอาหารสุขภาพและสินค้านวัตกรรม อีกทั้ง ไทยมีจุดแข็งทั้งในด้านวัตถุดิบ คุณภาพ นวัตกรรม และการรับรองมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งหากไทยต้องการจะเป็นผู้นำด้านอาหาร และเป็น “ครัวของโลก” อาหารฮาลาลก็เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม” นายพูนพงษ์ กล่าว
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี