นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำนักงานบัญชีมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้ธุรกิจมีการจัดทำบัญชีและงบการเงินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลทางการเงินไปใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนับว่าเป็นกลไกสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในการจัดทำและนำเสนอตัวเลขทางธุรกิจในรูปของรายงานทางการเงินแก่ภาคธุรกิจ ดังนั้น การได้รับการรับรองเป็นสำนักงานบัญชีคุณภาพจึงเป็นการส่งเสริมและพัฒนาสำนักงานบัญชีให้มีการจัดทำบัญชีแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น เป็นการยกระดับคุณภาพสำนักงานบัญชีไทยสู่มาตรฐานสากล ตลอดจนสร้างทางเลือกให้ลูกค้าได้มีโอกาสใช้บริการของสำนักงานบัญชีที่มีมาตรฐานการให้บริการ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจมีการจัดทำบัญชีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และให้ความสำคัญต่อการยกระดับสำนักงานบัญชีไทยให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยกรมฯ ได้ให้การรับรองสำนักงานบัญชีที่มีคุณภาพ ตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพของสำนักงานบัญชี มาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อสร้างแรงจูงใจให้สำนักงานบัญชีมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และปรับปรุงการให้บริการทางบัญชีที่ถูกต้อง มีคุณภาพ และมีมาตรฐานเทียบเท่าสากล โดยการยกระดับสำนักงานบัญชีเป็นสำนักงานบัญชีคุณภาพ

นางอรมน กล่าว่า ผู้ประกอบการสำนักงานบัญชีที่สนใจเข้าร่วมการรับรองคุณภาพสำนักงานบัญชีกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

1) ประกอบกิจการด้านการจัดทำบัญชีมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี

2) ให้บริการรับทำบัญชีแก่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543 จำนวนไม่น้อยกว่า 15 ราย

3) มีหัวหน้าสำนักงานที่ปฏิบัติงานเต็มเวลาในสำนักงานบัญชีมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเท่าที่สภาวิชาชีพบัญชีรับรอง มีประสบการณ์ด้านการจัดทำบัญชีไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องแจ้งการเป็นผู้ทำบัญชีไว้ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

4) มีผู้ช่วยทำบัญชีที่ปฏิบัติงานเต็มเวลาในสำนักงานบัญชีมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี มีคุณวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเท่าที่สภาวิชาชีพบัญชีรับรองอย่างน้อย 1 คน

5) เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ และได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ตามที่กฎหมายกำหนดในปีภาษีก่อนยื่นขอการรับรอง6) ในกรณีที่สำนักงานบัญชีจัดตั้งในรูปแบบคณะบุคคลหรือนิติบุคคล ผู้เป็นเจ้าของ ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือกรรมการ แล้วแต่กรณี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานด้านให้บริการรับทำบัญชีต้องมีคุณสมบัติตามข้อ 4(3) ด้วย

สำหรับผู้ประกอบการสำนักงานบัญชีที่ผ่านขั้นตอนการรับรองคุณภาพแล้ว จะได้สิทธิประโยชน์ ดังนี้
1) ได้รับหนังสือรับรองคุณภาพสำนักงานบัญชี (Certificate) จากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

2) ได้รับการเผยแพร่ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานบัญชีให้สาธารณชนได้รับทราบ

3) ได้รับการแนะนำสำนักงานบัญชีคุณภาพแก่นิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่

4) สามารถใช้เครื่องหมายรับรองตลอดอายุของหนังสือรับรองฯ

5) หัวหน้าสำนักงานบัญชี หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือกรรมการในสำนักงานบัญชีคุณภาพ สามารถเป็นบุคคลที่ผู้ขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัดลงลายมือชื่อต่อหน้าได้ และยังสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ประกอบการในการดำเนินการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล (DBD Biz Regist) ได้อีกด้วย

6) ได้รับความเชื่อถือในผลงานการให้บริการของสำนักงานบัญชี ทั้งจากหน่วยงานของภาครัฐ และภาคเอกชน

7) ได้รับการส่งเสริมและพัฒนา เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น การเป็นวิทยากร การออกบูธ เป็นต้น

8) ร่วมเป็นพันธมิตรในการจัดทำกิจกรรมต่างๆ กับกรมฯ และเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการ เช่น ในกรณีที่ภาครัฐต้องการประชาสัมพันธ์ข่าวสารข้อมูล หรือกฎระเบียบสู่ผู้ประกอบการ รวมทั้ง สะท้อนความต้องการของผู้ประกอบการสู่ภาครัฐ

นางอรมน กล่าวว่า สำนักงานบัญชีคุณภาพในยุคดิจิทัลจึงเป็นมากกว่าการจัดทำบัญชี ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีในยุคปัจจุบันต้องตระหนักและเตรียมความพร้อมรับมือกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านบัญชีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตลอดจนวางแผนในการปรับตัวให้ก้าวทันโลกดิจิทัล และการทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้น ความรู้ความสามารถและทักษะของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีจึงมีความสำคัญและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจการ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุนที่เข้าใช้บริการ ตลอดจนสร้างความยั่งยืนแก่ธุรกิจสำนักงานบัญชี จึงขอเชิญชวนสำนักงานบัญชีสมัครเข้าร่วมการรับรองคุณภาพสำนักงานบัญชีเพื่อยกระดับเป็นสำนักงานบัญชีคุณภาพกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2568) มีสำนักงานบัญชีคุณภาพที่ผ่านเกณฑ์การรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว จำนวน 184 แห่ง แบ่งเป็น *กรุงเทพมหานคร 67 แห่ง *ปริมณฑล 31 แห่ง *ภาคเหนือ 17 แห่ง *ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 แห่ง *ภาคกลาง (ไม่รวมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) 6 แห่ง *ภาคตะวันออก 27 แห่ง *ภาคตะวันตก 5 แห่ง และ *ภาคใต้ 19 แห่ง เมื่อเทียบกับจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งประเทศเกือบ 8.7 แสนราย โอกาสทางการตลาดของสำนักงานบัญชีคุณภาพจึงยังมีอยู่อีกมาก

-031