ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทยไม่รู้เป็นอะไรโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาตลอดหลายปี ทั้งกำลังซื้อในประเทศที่ลดลง การถูกสินค้าจีนเข้ามาทุ่มตลาด โรงงานเหล็ก (เตาIF) จากจีนทะลักเข้ามาตั้งโรงงานและผลิตเหล็กราคาถูกมาชิงส่วนแบ่งตลาด หรือแม้กระทั่งโดนสหรัฐเก็บภาษีเพิ่มเป็น 25% สำหรับ ท่อเหล็ก ท่อสเตนเลส และเหล็กแผ่นเคลือบ และล่าสุดยังโดนเพิ่มภาษีจาก 25%เป็น 50% จากการประกาศ เพิ่มภาษีตามมาตรา 232 เมื่อวันที่ วันที่ 30 พ.ค.2568 ซึ่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งวันที่ 3 มิ.ย.2568 มีผลบังคับทันทีในวันถัดมาคือวันที่ 4 มิ.ย.2568
เรื่องต้องบอกว่ากะทันหันมากๆ และผลกระทบก็เกิดทันทีแบบตั้งตัว ไม่ทันกับสินค้าระหว่างส่งมอบซึ่งส่วนใหญ่คือ สินค้าท่อเหล็ก ผลกระทบที่ว่าคือในกรณีที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ว่าให้ผู้นำเข้าจ่ายภาษีทั้งหมด ก็มีการเจรจาขอให้ช่วยกันจ่ายเช่นคนละครึ่งทำให้อาจต้องขาดทุน หรือกรณีคำสั่งซื้อที่ยังไม่ส่งมอบก็มีทั้งการเจรจาขอลดราคาหรือขอยกเลิกคำสั่งซื้อทั้งหมด
ทั่วโลกมีความต้องการเหล็กประมาณ 1,800 ล้านตันต่อปี โดยจีนมีความต้องการเหล็กครึ่งหนึ่งของโลกประมาณ 900 ล้านตันต่อปี มีกำลังการผลิต 1,100 ล้านตันต่อปี ในปีที่ผ่านมา ผลประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กในจีนไม่ค่อยดี 3 ไตรมาสแรกของผู้ประกอบการ 70% ขาดทุน เป็นปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินที่ล้นทำให้การส่งออกมีราคาต่ำ ขณะที่สหรัฐมีความต้องการเหล็ก 100 ล้านตันต่อปี มีการนำเข้า 25 ล้านตันต่อปี ทำให้ธุรกิจเหล็กในสหรัฐมีกำไรได้ขึ้นลง ด้านของไทยความต้องการเหล็ก 16 ล้านตันต่อปี มีการผลิตเอง 7 ล้านตัน นอกนั้นเป็นการนำเข้า มีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ต่ำที่สุด คาดว่าสหรัฐน่าจะนำเข้าเหล็กในประเทศใกล้เคียง เช่น แคนาดา เม็กซิโก บราซิล ขณะที่จีน มีการส่งออกเหล็กไปสหรัฐเพียง 500,000 ตัน ด้านไทยส่งออกไปสหรัฐประมาณ 200,000 ตัน
ดังนั้น ภูมิภาคอาเซียนและไทยจะกลายเป็นตลาดที่ผู้ผลิตเหล็กจากทั่วโลกจะระบายสินค้าเข้ามา ซึ่งทุกประเทศมีแนวโน้มนโยบายตั้งการ์ด เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กของตัวเอง คำถามสำคัญคือแล้วประเทศไทย ทำอะไรหรือยัง ที่จะสร้างกำแพงที่สูงและเข้มแข็ง เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ โดยเฉพาะเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันการทุ่มตลาด...!! มาตรการเซฟการ์ด...มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD)…มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD)…มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-circumvention : AC)...ฯลฯ ที่ไทยมีอยู่ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะนำมาใช้อย่างเข้มข้นเหมือนที่ประเทศอื่นๆ เขาทำกัน ????
อยากขอร้องรัฐบาลว่าเบาๆ เรื่องการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนแล้วกันมาสนใจปัญหาของประเทศก่อน ส่วนกระทรวงพาณิชย์ ที่รับผิดชอบเรื่องการบังคับใช้มาตรการต่างๆที่ว่าไปข้างต้น ก็ลองทำงานให้เข้มแข็งกว่านี้...พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เอง ก็มีเสียงเชียร์ให้ถูกปรับออกคนแรก...ก็ลองหันมาเร่งทำเรื่องนี้อย่างจริงจังบ้าง...ก็จะได้รับเสียงเชียร์จากคนในอุตสาหกรรมเหล็กให้อยู่ต่ออีกหลายแสนเสียงเลยนะจะบอกให้
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี