นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผย ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศชะลอตัวลง ขณะที่จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในด้านต่างๆอย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนโดยปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ เดือนพฤษภาคม 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -1.2% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -7.0% รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนพฤษภาคม 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -4.7% และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนพฤษภาคม 2568 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.2 จากระดับ 55.4 ในเดือนก่อน เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ดีปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤษภาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 8.7% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 2.5%
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน (เบื้องต้น) ในเดือนพฤษภาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 36.2% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 6.5% ขณะที่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤษภาคม 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ –10.9% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -5.8%
มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ที่ 18.4% (ขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 เป็นต้นมา) หากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ 20.3% ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โดยขยายตัว 104.0% 41.4% 34.8% และ 15.0% ตามลำดับ
นอกจากนี้ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 24.9% 15.5% และ 10.2% ตามลำดับ อย่างไรก็ดีการส่งออกข้าว ยางพารา และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ปรับตัวลดลง เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ จีน และอินเดีย ขยายตัว 35.1% 28.0% และ 27.5%ตามลำดับ อย่างไรก็ดีตลาดญี่ปุ่น และตลาดอาเซียน ลดลง -0.9% และ -0.3% ตามลำดับ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนโดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนพฤษภาคม 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย 2.27 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -13.9% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -2.5% ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 จำนวน 22.9 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.9% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 3.0%
ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนพฤษภาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.3% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -1.0% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว ยางพารา และผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ เป็นต้น อย่างไรก็ดีผลผลิตมันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด ลดลงจากเดือนก่อน
สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 88.1 จากระดับ 89.9 ในเดือนก่อนหน้า ปัจจัยกดดันจากความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และความกังวลจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของไทย ในเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.2 จากระดับ 49.5 ในเดือนก่อนหน้า ปัจจัยสนับสนุนจากคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น
เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดีสะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ -0.57%ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.09% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ 64.8% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ ขณะที่ เสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคงสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 257.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี