นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ  Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า  อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2569 อยู่ที่ 1.6% เมื่อเทียบกับการขยายตัวในปี  2568 ที่คาดว่าจะเติบโตราว 2 % จากอุปสงค์ต่างประเทศและในประเทศที่ชะลอตัวลง โดยการส่งออกสินค้าไทยในปี 2569 คาดว่าจะหดตัวลงส่งผลทำให้แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยลดลง การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ในขณะที่การบริโภคของภาคครัวเรือนได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ลดลงตามข้อจำกัด

“แนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าความผันผวน ความไม่แน่นอน ทั้งในเรื่องของการเมือง ที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า และความขัดแย้งชายแดนไทยกัมพูชา โดยคาดว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยต่ออีกหนึ่งครั้งในปี 2569 ส่วนภาคธุรกิจติดลบต่อเนื่องจาก”

ขณะเดียวกันแนวโน้มหนี้เสียในปีหน้า ธุรกิจธนาคารพาณิชย์จะต้องมีการปรับตัวด้วยการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยจะมองธุรกิจที่สามารถไปต่อได้ และธุรกิจที่ไปต่อไม่ได้ในการปล่อยสินเชื่อ ตอนนี้ธุรกิจที่ไปได้ดี  ธุรกิจพลังงานทางเลือก ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ทางด้านบริการซบเซา การท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัวลง ธุรกิจ Health & Wellness เป็นธุรกิจที่เป็นโอกาสกับประเทศ และบริการด้านอาหาร 

ทั้งนี้คาดว่าสินเชื่อของระบบแบงก์ไทยปี 2569 จะหดตัวลง 0.7% ต่อเนื่องจากคาดว่าปี 2568 หดตัวลดลง 2.3% โดยสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีและสินเชื่อรายย่อย ทั้งในส่วนของสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเช่าซื้อ ยังหดตัวตามข้อจำกัดรายได้และอำนาจซื้อของภาคครัวเรือน ขณะที่หนี้ครัวเรือนในปี 2569 มีแนวโน้มชะลอตัวลงมาที่ระดับไม่เกิน 85% ต่อ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง

“ในช่วงไตรมาส 4/68 สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ตอนนี้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจก็ลดลงไปเยอะ คงไม่สร้างความกังวลไปมากกว่านี้ แต่แน่นอนว่าทำให้ผลกระทบจากการปิดด่านทำให้สินค้า บริการบางอย่างทำให้ติดปัญหา ผลกระทบนิดหน่อย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล คิดว่าได้ในระดับหนึ่ง 0.2% อีกอันหนึ่งที่กังวล เรื่องชายแดนไทยกัมพูชา จะกระทบต่อความเชื่อมั่น ช่วงกลางปีต่างชาติยกเลิกการมาประเทศไทย ปัจจัยที่ห่วงที่สุดที่จะมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังปีหน้า คือเรื่องนโยบาย มีการยุบสภา และนโยบายใหม่ จะมีความต่อเนื่องหรือเปล่า โดยเราอยากเห็นนโยบายที่มาแก้เรื่องปัญหาตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาจจะต้องมีการรื้อระบบ เรื่องฏหมาย และอินเท็นซีพที่จะมาลงทุนในประเทศไทย แต่รัฐบาลก็จัดการไปหลายเรื่องแต่อาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะเราต้องแข่งขันกันทั่วโลก การดึงบุคคลาการที่มีทักษะเฉพาะเข้ามาในประเทศตอนนี้ ประเทศเราอาจจะมีปัญหาเรื่องทรัพยากรบุคคล นั้นการที่เราจะดึงบุคคลากร เราจะต้องมีอัตราภาษีส่วนบุคคล ที่ทัดเทียมกับเพื่อนบ้าน ดูไบ สิงคโปร์ ก็จะช่วยดีมานต์ด้านอสังหาฯ และการทำธุรกิจอุตสาหกรรมใหม่” 

ขณะเดียวกันในปี 2569 องค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ว่า การค้าโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปี 2568 ที่ขยายตัวได้ 2.4% มาอยู่ที่ 0.5% เนื่องจากภาษีของทรัมป์ได้ส่งผลต่อต้นทุนการค้าและเพิ่มความไม่แน่นอน ในปีการค้าโลกได้อานิสงค์จากการเร่งการส่งออกของภาคธุรกิจก่อนที่ภาษีเริ่มบังคับใช้จริงในเดือนสิงหาคม บวกกับแรงหนุนจากการส่งออกสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ที่พุ่งแรง โดยเฉพาะการส่งออกจากเอเชียไปสหรัฐฯ ตามการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐาน AI ของสหรัฐฯ สวนทางกับสินค้าประเภทอื่นที่ไม่ใช่ (AI Non AI) ที่ชะลอตัวลงอย่างจัดเจน ในขณะที่การส่งออกจีนไปเอเชียยังเติบโตได้ดีต่างกับการส่งออกไปสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีธุรกิจในประเทศจีนยัง เผชิญกับการแข่งขันรุนแรงทั้งด้านกำลังการผลิตและสงครามราคา (Anti- Involution) ซึ่งกดดันการทำกำไรของภาคธุรกิจในจีนอย่างต่อเนื่อง

น.ส.เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนยวิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า  ทิศทางธุรกิจปี 2569 ยังอยู่ท่ามกลางความท้าทาย การชะลอลงของคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการแข่งขันกับสินค้านำเข้า กดดันการผลิตต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เสี่ยงหดตัวเป็นปีที่ 4 ส่วนธุรกิจบริการส่วนใหญ่ (ค้าปลีก ร้านอาหาร การแพทย์ ก่อสร้าง เป็นต้น) คาดเติบโตชะลอลง ขณะเดียวกันต้นทุนวัตถุดิบบางอย่างยังสูง และค่าแรงอาจปรับขึ้น ทำให้การสร้างรายได้สุทธิจะยากขึ้น ภายใต้ศักยภาพตลาดที่โตต่ำ ธุรกิจจึงยังต้องเน้นการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ปรับตัวรับเทรนด์อย่างแตกต่าง และมองหาตลาดใหม่

-031