นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนพฤษภาคม 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 200,773 ล้านบาท ขยายตัว 13.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการส่งออก 128,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% และการนำเข้า 72,618 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนพฤษภาคม 2568 ทั้งสิ้น 55,537 ล้านบาท ส่งผลให้ 5 เดือนแรกปี 2568 การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนมีมูลค่าการค้ารวม 833,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.0% เป็นการส่งออก 480,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% การนำเข้า 352,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% และไทยได้ดุลการค้า 128,497 ล้านบาท

ทั้งนี้การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ เดือนพฤษภาคม 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 85,625 ล้านบาท ลดลง 2.1% เป็นการส่งออก 54,745 ล้านบาท ลดลง 2.3% การนำเข้า 30,880 ล้านบาท ลดลง 1.7% และไทยได้ดุลการค้ารวมทั้งสิ้น 23,866 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนกับมาเลเซีย มีมูลค่าสูงสุด 28,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% รองลงมา คือ สปป.ลาว 23,953 ล้านบาท ลดลง 5.7% เมียนมา 17,005 ล้านบาท ลดลง 13.3%) และกัมพูชา 16,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% ซึ่งสินค้าส่งออกชายแดนสำคัญในเดือนพฤษภาคม 2568 ได้แก่ น้ำมันดีเซล 2,949 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 1,545 ล้านบาท และเครื่องดื่มอื่นๆ (เช่น นม UHT นมถั่วเหลือง) 1,472 ล้านบาท ทำให้ 5 เดือนแรกปี 2568 การค้าชายแดนมีมูลค่ารวม 429,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% เป็นการส่งออก 261,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% และการนำเข้า 168,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6%

ด้านการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สามเดือนพฤษภาคม 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 115,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.6% เป็นการส่งออก 73,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% การนำเข้า 41,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4% โดยการค้าผ่านแดนไปจีน มีมูลค่าสูงที่สุด 77,314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% รองลงมาคือ สิงคโปร์ และเวียดนาม มีมูลค่า 14,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.7% และ 7,471 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% ตามลำดับ สินค้าส่งออกผ่านแดนสำคัญในเดือนพฤษภาคม 2568 ได้แก่ ทุเรียนสด 30,145 ล้านบาท ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ 13,172 ล้านบาท มังคุดสด 4,088 ล้านบาท ทำให้ 5 เดือนแรกปี 2568 การค้าผ่านแดนมีมูลค่ารวม 403,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.0% เป็นการส่งออก 219,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.6% การนำเข้า 183,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1%

นางอารดา กล่าวว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยการส่งออกผ่านแดนไปจีนขยายตัวสูงถึง 38.7% จากความต้องการผลไม้ของจีนที่สูงขึ้นต้อนรับฤดูกาลผลไม้ เช่น ทุเรียนสด 30,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.6% มังคุดสด 3,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% ในขณะที่การส่งออกผ่านแดนกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ 13,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.4% เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ 2,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.7% และแผงวงจรไฟฟ้า 1,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.6% ซึ่งยังคงขยายตัวสูง

ด้านการค้าชายแดนในเดือนพฤษภาคม 2568 หดตัวลง 2.1% และการส่งออกชายแดนหดตัวลง 2.3% เป็นผลมาจากการค้าชายแดนด้าน สปป.ลาว และด้านเมียนมา ที่หดตัวลง 5.7% และ 13.3% ตามลำดับ โดยการส่งออกชายแดนไป สปป.ลาว หดตัวลง 10.7% จากสินค้าพลังงาน ได้แก่ น้ำมันดีเซล และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ ที่มูลค่าการส่งออกลดลง 6.8% และ 13.2% ตามลำดับ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามการส่งออกในเชิงปริมาณของน้ำมันดีเซล และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆไป สปป.ลาว ยังขยายตัว 27.7% และ 12.0% ตามลำดับ

ในขณะที่การส่งออกชายแดนไปเมียนมาลดลง 5.0% เป็นผลมาจากมาตรการ 3 ตัด ตามมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (4 กุมภาพันธ์ 2568) กรณีการระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง ไฟฟ้า และสัญญาณโทรคมนาคม รวมถึงมาตรการควบคุมและขอความร่วมมือในการงดการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อาทิ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ เครื่องมือสื่อสาร โดยมูลค่าการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง (น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ) ลดลง 84.0%  

สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กรมฯได้ติดตามอย่างใกล้ชิดภายหลังจากฝ่ายความมั่นคงได้ประกาศมาตรการควบคุมจุดผ่านแดน ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และด่านศุลการชายแดนไทย-กัมพูชา รวบรวมข้อมูลรายงานกระทรวงฯให้ทราบเป็นประจำทุกวัน ตลอดจนเข้าร่วมประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) โดยรายงานความพร้อมของกระทรวงฯในการช่วยเหลือระบายสินค้าผักและผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งห้ามนำเข้าของกัมพูชา และการติดตามสถานการณ์ผลกระทบผ่านเครือข่ายของกระทรวงฯทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการหารือร่วมกับภาคเอกชนเตรียมความพร้อมรองรับในการหาทางเลือกขนส่งสินค้าด้วยช่องทางอื่นๆ