กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่จังหวัดนครนายก ณ วิสาหกิจชุมชนธนาคารต้นไม้ (ศูนย์การเรียนรู้ภูกะเหรี่ยง) ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้การเกษตรที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางของรัชกาลที่ 9 เป็น “โครงการนำร่อง” เกี่ยวกับการปลูกพืชแบบผสมผสานหรือเศรษฐกิจพอเพียงร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เช่น สนับสนุนแหล่งเรียนรู้ หรือ กิจกรรมอบรมเกษตรกรในชุมชนและมีแนวคิดเกี่ยวกับ “ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์” ที่สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกไม้ยืนต้น เช่น ไม้ผล (มะยงชิด มะม่วง) ไม้เศรษฐกิจ คือ ยางนา และการทำปุ๋ยชีวภาพ
สำหรับการจัดงานในวันนี้ (15 กรกฎาคม 2568) เป็นการทำงานบนความร่วมมือกันระหว่าง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครนายก เพื่อช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ประกอบการ เกษตรกร ชุมชน หน่วยงานต่างๆ และประชาชน ให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ดินของตนเอง
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดโครงการส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ณ วิสาหกิจชุมชนธนาคารต้นไม้ (ศูนย์การเรียนรู้ภูกะเหรี่ยง) จังหวัดนครนายก โดยกรมฯเดินหน้าส่งเสริมองค์ความรู้และสร้างความเข้าใจด้านหลักประกันทางธุรกิจให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ตลอดจนผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรฐานรากทั่วประเทศ
ทั้งนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ และประชาชนในทุกระดับ โดยสนับสนุนการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่ามาใช้เป็นหลักประกัน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม และสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการ SME วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร โดยการนำทรัพย์สินอื่น คือ ไม้ยืนต้น มาใช้เป็นหลักประกัน ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร และประชาชน ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เสริมสร้างสภาพคล่อง เป็นทุนหมุนเวียนในธุรกิจ และการเกษตร
นางอรมน กล่าวว่า นอกจากองค์ความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ การเพิ่มมูลค่าการปลูกต้นไม้ด้วยกลไกคาร์บอนเครดิต ที่กรมฯ ธ.ก.ส. และอบก. ร่วมกันบรรยายให้ความรู้แล้ว ยังมีไฮไลท์สำคัญ คือ การสาธิตวิธีการวัดไม้ยืนต้นที่ต้องการนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อประเมินมูลค่าการให้สินเชื่อในเบื้องต้นของสถาบันการเงิน เช่น ต้นไม้ที่จะได้รับการประเมินมูลค่าต้องมีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ปริมาณและราคาเนื้อไม้จะสัมพันธ์กับเส้นรอบวงต้นที่ความสูง 130 เซนติเมตรจากพื้นดิน เป็นต้น โดยต้นไม้ที่เกษตรกรนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจกับสถาบันการเงิน เช่น ธ.ก.ส. (โครงการธนาคารต้นไม้) ได้แก่ มะขาม มะกอกป่า สะเดา ต้นเต็ง รัง ประดู่บ้าน ประดู่ป่า เป็นต้น รวมทั้ง การประเมินการกักเก็บคาร์บอนเครดิตของต้นไม้ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับรู้ถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นของต้นไม้อีกด้วย ทั้งนี้ กรมฯ เตรียมขยายผลแนวทางการส่งเสริมไปยังพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญทั่วประเทศ เพื่อยกระดับเกษตรกรไทยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และปลอดภัยในระยะยาว
“ต้นไม้ไม่ใช่แค่ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นทรัพย์ทางเศรษฐกิจที่สามารถสร้างโอกาสและความมั่นคงทางการเงินให้เกษตรกรได้ การเปิดโอกาสให้เกษตรกรใช้ต้นไม้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ จึงถือเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นางอรมนกล่าว
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) มีผู้นำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 28 จังหวัด จำนวน 167,302 ต้น วงเงินค้ำประกันรวม 185,826,768.04 บาท ซึ่งต้นไม้ที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ประกอบด้วย ต้นสัก ยาง พะยอม ประดู่ป่า พะยูง พฤกษ์ มะขาม ไม้สกุลทุเรียน กฤษณา เป็นต้น
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี