‘พิชัย’โวเจรจาภาษีสหรัฐราบรื่น

คาดเก็บไทย20%

ลุ้นประกาศก่อนเส้นตาย1ส.ค.นี้

ข้อเสนอเปิดกว้างแบบวิน-วิน

‘ศิริกัญญา’ทำได้แค่สวดภาวนา

แนะโฟกัส‘เยียวยา-กระตุ้นศก.’

“พิชัย” รองนายกฯและรมว.คลัง เผยผลเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐประเด็น “ภาษีทรัมป์” รอบล่าสุด ฟุ้งการเจรจาราบรื่น คาดเรียกเก็บไทยในอัตราเทียบเท่าประเทศในภูมิภาค ไม่เกิน 20% ลุ้นประกาศก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคม ยันไทยพร้อมเปิดตลาดแบบรุก เพิ่มส่งออก-แข่งขันได้ “ภูมิธรรม”โยน“พิชัย”เป็นผู้ชี้แจง แต่สถานการณ์เป็นไปด้วยดี ด้าน“ศิริกัญญา”ได้แต่สวดภาวนา”ทีมเจรจาไทย” ดีลคุยสหรัฐ ชี้แม้จบที่ 18% ตามที่หลายหน่วยงานคาดการณ์ แต่ GDP ปี 2568-2569 ก็ตกต่ำมากอยู่ดี แนะมีสมาธิ เปลี่ยนโฟกัส หันกลับมาเยียวยา กระตุ้นเศรษฐกิจได้แล้ว

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประเด็นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดว่า ได้ใช้เวลา 30 นาทีเต็มตามที่กำหนดไว้ โดยการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น ถือเป็นการพูดคุยที่ลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจะมีการหารือกันมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อเรารู้ว่าเวลาจำกัด เราก็ต้องคุยให้ตรงประเด็น และคิดว่าผลของการพูดคุยครั้งนี้ออกมาดีมาก เพราะบรรยากาศดี โดยฝ่ายไทยได้สรุปข้อเสนอชัดเจน และสื่อสารทิศทางในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษีสินค้า การนำเข้าสินค้า การลงทุน หรือแม้แต่การเพิ่มประสิทธิภาพของภาคราชการ

ยึดหลักการดูแลสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรม

นายพิชัย กล่าวว่า ข้อเสนอของไทยยังคงยึดหลักการเดิมที่เคยพูดไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องการเปิดตลาดนั้น ไทยไม่ได้เปิดเพียงเพื่อให้เกิดการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ เท่านั้น แต่ต้องพร้อมเดินเกมรุก เพื่อขยายขนาดเศรษฐกิจไทยและผลักดันการส่งออกไปยังตลาดโลก เราไม่ได้เปิดเพื่อลดการขาดดุลการค้าอย่างเดียว แต่ต้องเดินเกมรุก สร้างเศรษฐกิจให้ใหญ่ขึ้น ถ้าจะซื้อเพิ่ม ก็ต้องขายเพิ่มให้ได้ทั่วโลก

นายพิชัย กล่าวถึงสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะซัพพลายเชน และ SME ว่า ไทยยังคงยืนบนหลักการเดิมที่จะต้องดูแลสินค้าเหล่านี้ก่อน เพื่อประเมินจุดอ่อนและเร่งสร้างประสิทธิภาพให้สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก ทั้งในแง่ของต้นทุน คุณภาพ และความสามารถในการผลิต จุดที่ดีที่สุดคือการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ถ้าทำได้ ต่อให้แข่งกับใครที่ไหนก็ได้ทั่วโลก

ลั่นเข้าเป้า/เปิดกว้างแบบวิน-วิน

สำหรับกรณีที่สหรัฐต้องการให้ไทยเปิดตลาดสินค้าเฉพาะบางรายการ นายพิชัย กล่าวว่า เป็นการเข้าเป้าที่สมเหตุสมผล ไม่ใช่เรื่องที่ไทยต้องฝืนใจ เพราะไทยก็มีสิทธิ์เลือกที่จะดูแลสินค้าบางประเภทที่อ่อนไหวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสินค้าการเกษตรบางชนิด ไม่มีใครในโลกที่เข้าเป้าทุกอย่างหรอก แต่ของเราถือว่าเข้าเป้าได้ดีที่สุดแล้ว และข้อเสนอนี้คือการเปิดกว้างแบบวิน-วิน

ผู้สื่อข่าวถามว่าสินค้าบางรายการที่ยังเป็นห่วงจะจัดการอย่างไร นายพิชัย กล่าวว่า ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าจะดูแลแน่นอน โดยบางสินค้าที่ต้องนำเข้าก็ยังต้องควบคุมปริมาณเพื่อให้สอดคล้องกับการผลิตภายในประเทศ เช่นเดียวกับสินค้าเกษตรบางชนิด ทั้งยังระบุว่า ในส่วนของท่าทีจากฝั่งสหรัฐฯ นั้น บรรยากาศเป็นบวก และเข้าใจข้อเสนอของไทยอย่างดี

มั่นใจสหรัฐเก็บภาษีไทยต่ำกว่า20%

เมื่อถามว่า สหรัฐจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าสินค้าของไทยต่ำกว่า 20% หรือไม่ นายพิชัย ระบุว่า คาดว่าอัตราภาษีนำเข้าที่ไทยจะได้รับจะอยู่ในกลุ่มเดียวกับประเทศในภูมิภาค ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ ที่สัดส่วนไม่เกิน 20%

สำหรับประเด็นเงื่อนไข Transshipment หรือการขนส่งผ่านประเทศ นายพิชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ยังต้องหารือเพิ่มเติม และอาจมีหลายรูปแบบ เช่นเดียวกับกรณีของเวียดนาม ที่ใช้หลายอัตราในสินค้าแต่ละกลุ่ม การค้าระหว่างประเทศมีหลายเซกเตอร์ บางกลุ่มอาจมีหลายอัตราภาษี โดยเฉพาะกลุ่มล่าง ส่วนกลุ่มบนอาจมีอัตราเดียว เราต้องค่อยๆ ดูในรายละเอียดต่อไป

ส่วนของสินค้าที่เปิดแล้วแต่ไม่มีผู้เข้ามาแข่งขัน เช่น สินค้าบางชนิดที่มีราคาสูงกว่าของไทยหลายเท่า นายพิชัย กล่าวว่า หากไม่มีการนำเข้าสินค้าเหล่านี้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะไม่มีผลกระทบ สมมติเปิด 100 รายการ แล้วอีก 50 รายการเขาไม่มีจะขาย หรือแพงกว่าเราหลายเท่า เขาก็ไม่มา เราก็ไม่เดือดร้อน เพราะไม่มีคู่แข่ง

ส่งข้อเสนอแล้ว คาดได้รับคำตอบเร็วๆนี้

สำหรับสินค้าอ่อนไหวอย่างเช่น หมู ที่หลายฝ่ายกังวลนั้น นายพิชัย กล่าวย้ำว่า ยังไม่มีการลงรายละเอียดใดๆ และต้องรอการเจรจาเพิ่มเติมจากฝ่ายสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ไทยได้ส่งข้อเสนออย่างเป็นทางการให้สหรัฐแล้ว และคาดว่าจะได้คำตอบจากระดับสูงของสหรัฐฯ ในเร็ววัน ถึงการประกาศอัตราภาษีใหม่ จากเดิมที่กำหนด 36% ก่อนขีดเส้นตาย 1 ส.ค. 68 นี้ เมื่อส่งขึ้นไปแล้ว คำตอบอาจจะมาเร็วมาก เผลอๆ ก็คือวันนี้เลยก็ได้ โดยฝ่ายสหรัฐให้ความเห็นกลับมาว่า very substantial improvement” รองนายกฯและ รมว.คลัง กล่าว

“ภูมิธรรม”โยน“พิชัย”เป็นผู้ชี้แจง

ทางด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หารือกับ ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา มีความคืบหน้าหรือไม่ และได้รายงานมาหรือยังว่าก็ได้รับทราบ ซึ่งออกมาดี ผลที่คุยกับสหรัฐฯ แต่ในรายละเอียดขอให้เขาชี้แจง ตนเห็นภาพโดยรวมแล้วถือว่าดี เป็นข้อเสนอ ข้อสรุปที่น่าจะดี แต่ยังไม่จบ มีบางส่วนที่ยังต้องดำเนินการอยู่

“ศิริกัญญา”ได้แต่สวดภาวนา

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงความพยายามเจรจาภาษีสหรัฐฯ ของรัฐบาลว่า ตนได้ติดตามอยู่ตลอด ตอนนี้ยังไม่ได้เห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลง ที่เป็นสาระสำคัญ การลดภาษี 0% จาก 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด เป็นสิ่งที่นายพิชัย เปิดเผยมาแต่แรกอยู่แล้ว ผลของการเจรจา จึงยังไม่มีใครรู้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ภายในเดดไลน์ที่จะถึงนี้

“ได้แต่ส่งกำลังใจ สวดภาวนา เพราะเราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง การที่เราต้องดีล หรือเจรจา กับประธานาธิบดี แบบ โดนัลด์ ทรัมป์ ยิ่งทำให้คาดเดาอะไรไม่ได้” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ตามที่ได้เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ ที่ทางเวียดนามเอง ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับข้อตกลง ที่ทรัมป์ ประกาศ และในถ้อยแถลงการณ์ที่วางไว้ ว่าจะแถลงด้วยกัน ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น จึงไม่แน่ใจว่าทางอินโดนีเซีย จะเจอภาวะแบบเดียวกันหรือไม่ ดังนั้นไม่ว่าการเจรจาในระดับรัฐมนตรี จะเป็นอย่างไร แต่ท้ายที่สุด ก็ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีคนเดียว ว่าจะประกาศอะไรออกมา จึงคาดเดาผลค่อนข้างยาก ได้แต่หวังว่าเราจะได้อัตราภาษีที่ยังพอแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ในสินค้าหลักของไทย ที่ไม่ได้หนีไปจากเพื่อนบ้านสักเท่าไหร่ แม้การหนีจากเพื่อนบ้านไม่มาก ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นอัตราภาษีที่ดี และต้องอย่าลืมว่าการจบที่ 18% ตามที่หลายหน่วยงานคาดการณ์ ก็ยังจะทำให้ GDP 2568 -2569 ตกต่ำมากอยู่ดี

ขอให้โฟกัสเรื่องเยียวยา-กระตุ้นศก.

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า หลังจากการเจรจารอบสุดท้าย ก่อนที่จะถึง 1 ส.ค.นี้ อยากให้รัฐบาล เปลี่ยนโฟกัส มามีสมาธิกับเรื่องการเยียวยาผลกระทบ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในปลายปี 2568 ต่อเนื่องไป 2569

เมื่อถามว่าจะมีข้อแนะนำใดไปถึงทีมเจรจา น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2568 ที่อนุมัติไป 1.1 แสนล้านบาท เหลือไม่มากแล้ว อีก 4 หมื่นล้านบาท ดูเหมือนว่ายังทะเลาะกันไม่จบว่าจะแบ่งให้ใคร และไปในพื้นที่ไหนบ้าง โอกาสที่จะใช้ 4 หมื่นล้านบาทที่เหลือ ก็คงน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะเหลือไม่ถึง 2 เดือน ก็จะหมดปีงบประมาณ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ศึกหนัก ฝนฟ้าคะนอง พายุเศรษฐกิจ ที่จะโหมกระหน่ำใส่เราในปี 2569 จะยิ่งหนักกว่านี้ และเราไม่ได้เตรียมเม็ดเงิน ไว้เลย ไม่มีกระเป๋าสำรองใดใดทั้งสิ้น มีอย่างมากก็แค่ 2.5 หมื่นล้านบาท ที่อยู่ในงบ 2569 จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวล

“ทางกมธ.งบฯ ฟากฝ่ายค้าน จึงเสนอให้ นายพิชัย ช่วยชี้แจงในห้องงบประมาณ ว่ามีแนวทาง และนโยบายอย่างไร ในการเตรียมเม็ดเงินไว้ สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ ในปี 2569 ต้องการให้ กมธ. และอนุกมธ. ตัดลดงบประมาณหรือไม่ ซึ่งต้องมีแนวทางจากหัวโต๊ะ เพราะการตัดงบประมาณในที่ประชุมขณะนี้แล้วแต่หน่วยงานจะพิจารณาตัวเอง ที่ตัดเฉพาะไขมัน ยังไม่ได้เร่งรัดที่จะเปลี่ยนลำดับความสำคัญใหม่ ในการการตัดงบประมาณที่เพิ่มขึ้น การตัดอย่างต่ำ ๆ ต้องอย่างน้อย แสนล้านบาท เพื่อที่จะเตรียมไว้ในปี 2569 ซึ่งอาจหนีไม่พ้นการออก พ.ร.บ.เงินกู้” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว