นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ปรับเป้าผลิตรถยนต์ปี 2568 ใหมาจากเดิม 1,500,000 คัน ลดลง 3.33% เป็น 1,450,000 คัน ลดลง 50,000 คัน โดยปรับเป้าเฉพาะผลิตเพื่อส่งออกลดลง 5% จาก 1,000,000 คันเป็น 950,000 คัน
โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับลดเป้าหมายการผลิตเพื่อการส่งออก ดังนี้ 1.มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อมูลค่าการค้าโลกภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อและยอดจำหน่ายรถยนต์ลดลง2. การเพิ่มความเข้มงวดด้านข้อกำหนดการปล่อยคาร์บอน 3.การยุติการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อปรับไลน์การผลิตสู่รุ่นใหม่ 4.ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคของโลก
5. การรุกตลาดของรถยนต์ในประเทศคู่ค้า ซึ่งเพิ่มการแข่งขันและกดดันยอดขาย
“หากการเจรจาขอลดภาษีสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐไม่สำเร็จ โดยไทยยังถูกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตแค่ 1% จะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และสินค้าต่างๆ รวมถึงแรงงานจะได้รับผลกระทบด้านรายได้ลดลงตามไปด้วย”นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน มิ.ย. 2568 มีทั้งสิ้น 130,223 คัน ลดลง 6.44% จากเดือนพ.ค. 2568 แต่เพิ่มขึ้น 11.98% จากเดือนมิ.ย. 2567 โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน จากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เพิ่มขึ้น 314.55% และผลิตรถกระบะเพิ่มขึ้น 8.39% จากการผลิตรถกระบะส่งออกเพิ่มขึ้น 4% และผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 26.27% จากฐานต่ำในเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 68) มีจำนวนทั้งสิ้น 724,715 คัน ลดลง 4.80% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ในเดือน มิ.ย. 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 84,918 คัน เท่ากับ 65.21% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 3.85% เดือนมิ.ย.2567 ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปีนี้ ผลิตเพื่อส่งออกได้ 475,013 คัน เท่ากับ 65.54% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 7.98 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศในเดือน มิ.ย. 2568 ได้ 45,305 คัน เท่ากับ 34.79% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 31.24% จากเดือนมิ.ย. 2567 ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 68) ผลิตได้ 249,702 คัน เท่ากับ 34.46% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 1.90% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมิ.ย. 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 50,079 คัน ลดลง 4.12% จากเดือนพ.ค. 2568 แต่เพิ่มขึ้น 5.07% จากเดือนมิ.ย.2567 เพราะฐานต่ำของปีที่แล้วจากยอดขายที่ลดลงตั้งแต่เดือนเม.ย.2566 เป็นต้นมา ทั้งนี้เป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกันจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและรถ PPV เพิ่มขึ้นจากการออกรุ่นใหม่ของบางบริษัท แต่รถกระบะยังคงขายลดลง 19.9% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศยังคงอ่อนแอจากการลงทุนภาคเอกชนไตรมาสหนึ่งของปี 2568 ลดลง 0.9% จากไตรมาสหนึ่งของปีก่อน โดยภาคการผลิตลดลง 0.4% สาขาก่อสร้างลดลง 5.1% ทำให้อำนาจซื้อของประชาชนจึงอ่อนแอ โดย6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 68)รถยนต์มียอดขาย 302,694 คัน ลดลง 1.73% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่เดือนมิ.ย. 2568 รถยนต์สำเร็จรูปส่งออกได้ 88,085 คัน เพิ่มขึ้น 8.65% จากเดือนที่แล้ว แต่ลดลง 1.11% จากเดือนมิ.ย.2567 ซึ่งลดลงจากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่นจากการเข้มงวดเรื่องอุปกรณ์ช่วยเหลือการขับเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของประเทศคู่ค้า ส่งผลให้6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 68) ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 459,357 คัน ลดลง 11.50% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดีในเดือนเม.ย.2568 เป็นเดือนแรกที่มีการผลิตรถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทย และเดือนพ.ค. 2568 เป็นเดือนแรกที่ส่งออกรถกระบะไฟฟ้าจากการผลิตในประเทศไทย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เดือนมิถุนายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 15,100 คัน เพิ่มขึ้น 88.99%จากเดือนมิ.ย.2567 ส่งผลให้6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 68) มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 69,055 คัน เพิ่มขึ้น 33.03% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี