นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแรงลง ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังเผชิญแรงกดดันจากความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่ถดถอย ขณะที่การปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในอัตราสูง บริษัทตระหนักดีถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้เตรียมพร้อมรับมือเดินหน้าฝ่าวิกฤตด้วยแผนกลยุทธ์ใน 3 ปี ภายใต้เป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ ลดภาระหนี้ สร้างยอดขายเพิ่มรายได้ และปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง
ทั้งนี้แนวทางสำคัญของบริษัท คือการปรับโครงสร้างทางการเงิน โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดภาระหนี้ลง 50% ภายในปี 2570 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ให้สามารถดำเนินการตามแผนธุรกิจที่วางไว้ บริษัทยังมีแผนการขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ทรัพย์สินหลัก (Non-Core Assets) ภายในระยะ 3 ปี เริ่มจากปี 2569 มีแผนขายสินทรัพย์มูลค่า 300 ล้านบาท ,ปี 2570 มูลค่า 2,500 ล้านบาท และปี 2571 มีเป้าหมายขายสินทรัพย์เพิ่มอีกกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนแผนการลดหนี้และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
“บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมเตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 6 สิงหาคม 2568 เพื่อขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการชำระคืนหุ้นกู้ จำนวน 15 ชุด ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนระหว่างเดือนสิงหาคม 2568 ถึงเดือนมกราคม 2570 โดยบริษัทเสนอขยายระยะเวลาไถ่ถอนทุกชุดออกไป 2 ปี และปรับเพิ่มดอกเบี้ยอีก 0.25% ต่อปี เพื่อให้สามารถบริหารกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมความสามารถในการจัดการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ ทั้งนี้บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของผู้ถือหุ้นกู้ และยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ทุกท่าน”นายศานิต กล่าว
ด้านแผนธุรกิจ บริษัทมุ่งเน้นฟื้นรายได้ผ่านการสร้างยอดขายให้เติบโต โดยตั้งเป้าให้ยอดขายกลับมาสู่ระดับ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2571 โดยกลยุทธ์หลักจะมุ่งไปที่สินค้ากลุ่มบ้านระดับราคาปานกลาง ซึ่งยังคงมีดีมานด์ในตลาด ขณะเดียวกันจะทยอยลดสัดส่วนสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมขายรวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 2,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3,500 ล้านบาท โดยจะเร่งระบายสต็อกในโครงการที่สามารถรับรู้รายได้ทันที นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 2,220 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทยังคงมีจุดแข็งที่สำคัญ ได้แก่ การถือครองทรัพย์สินในทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นทำเลที่มีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องและเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ ตลอดจนทำเลที่มีการเติบโตและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด อย่างเขาใหญ่ หัวหิน และเชียงใหม่
นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าปรับโครงสร้างทางธุรกิจและโครงสร้างองค์กร เป้าหมายหลักคือ ลดค่าใช้จ่ายลง 20% ภายในปี 2569 โดยมีแผนเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการดำเนินงานและระบบบริหารจัดการให้มีความกระชับคล่องตัว ยกระดับความสามารถในการทำกำไร เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
“ที่ผ่านมาบริษัทยังได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรระดับโลก อาทิ Sumitomo Forestry และ Sekisui Chemical จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความร่วมมือระยะยาวในพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทในสายตานักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งมีประสบการณ์ 40 ปีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และความสามารถในการบริหารจัดการภายใต้สภาวะท้าทาย บริษัทสามารถผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจที่มีผลกระทบในระดับโลกมาแล้วหลายครั้ง และสามารถปรับตัว ฟื้นตัว ได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งแผนระยะ 3 ปีของบริษัทครั้งนี้ ไม่เพียงมุ่งรับมือกับความท้าทายในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานใหม่เพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต”นายศานิต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี