วันศุกร์ ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
ประเมินผลกระทบจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

ประเมินผลกระทบจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

วันพฤหัสบดี ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 08.03 น.
Tag : กรุงไทย ชายแดน ไทยกัมพูชา ธนาคาร ภาษี ส่งออก สถานการณ์ สหรัฐ KrungthaiCompass
  •  

Krungthai COMPASS ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาจะส่งผลกระทบผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ การค้าชายแดน การท่องเที่ยว และการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายอย่างน้อยราว 17,000 ล้านบาทต่อเดือน ดังนี้

1) การค้าชายแดน คาดว่า การปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 5 ด่านสำคัญจะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาหายไปราว 14,011 ล้านบาทต่อเดือนแบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกชายแดนและมูลค่าการนำเข้าชายแดน


หายไปราว 11,410 และ 2,601 ล้านบาทต่อเดือน ตามลำดับ โดยด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว คาดได้รับผลกระทบมากที่สุด สำหรับกลุ่มสินค้าส่งออกที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่ม ส่วนประกอบ

รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน ส่วนกลุ่มสินค้านำเข้า ได้แก่ ผักและของปรุงแต่งจากผัก โดยเฉพาะมันสำปะหลัง

2) การท่องเที่ยว ความเสียหายด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวกัมพูชาที่เข้ามาในไทยที่ลดลงและจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่ไม่สามารถไปท่องเที่ยวใน 4 จังหวัด ที่มีการปะทะคาดมีมูลค่าอย่างน้อยราว 2,970 ล้านบาทต่อเดือน

3) การลงทุน หากสถานการณ์ยกระดับความรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชา โดยในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 100 ราย มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบสูง เช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม และค้าปลีก

ในระยะสั้น ผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกอาจพิจารณาเปลี่ยนเส้นทางและรูปแบบ (mode) ในการขนส่งสินค้า ส่วนในระยะถัดไป อาจพิจารณาหาตลาดเพื่อทดแทนหรือกระจายความเสี่ยงจากตลาดกัมพูชา

สุคนธ์ทิพย์ ชัยสายัณห์ Krungthai Compass ประเมินว่า  เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2568 สถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาปะทุรุนแรงขึ้น

ภายหลังเกิดเหตุการณ์ลอบวางทุ่นระเบิดบริเวณพื้นที่ชายแดนช่องบก และช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ สถานการณ์ปะทะได้ขยายวงกว้างไปยังแนวชายแดนและพื้นที่สาธารณะหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก โดยไทยดำเนินมาตรการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมดรวม 18 จุด ทั้งจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า และจุดผ่อนปรนการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป รวมทั้งปิดสถานที่ท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป

บทความนี้จึงอยากประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาต่อการค้าชายแดน

การท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนของบริษัทไทยในกัมพูชาที่จะได้รับผลกระทบจากการขนส่งสินค้าที่หยุดชะงัก เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น

ผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

Krungthai COMPASS ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาผ่าน 3 ช่องทางหลัก ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายอย่างน้อยราว 17,000 ล้านบาทต่อเดือน รายละเอียด ดังนี้

1. ผลกระทบต่อการค้าชายแดน

การค้าชายแดนถือเป็นช่องทางที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชามากที่สุด เนื่องจากการค้าชายแดนไทยและกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 48% ของมูลค่าการค้าระหว่างไทยและกัมพูชาทั้งหมด โดยในช่วง   5 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ที่ 80,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2%YoY แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกชายแดนอยู่ที่ 63,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%YoY และมูลค่าการนำเข้าชายแดนอยู่ที่ 17,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%YoY อย่างไรก็ดี สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่รุนแรงขึ้นจะกดดันต่อมูลค่าการค้าชายแดนในช่วงที่เหลือของปี 2568

 Krungthai COMPASS ประเมินผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมดจะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาหายไปราว 14,011 ล้านบาทต่อเดือน โดยมูลค่าการส่งออกชายแดนหายไปราว 11,410 ล้านบาทต่อเดือน และมูลค่าการนำเข้าชายแดนหายไปราว 2,601 ล้านบาทต่อเดือน

สำหรับด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบสูงมาก ได้แก่ ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยคาดว่าจะได้รับผลกระทบราว 8,663 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากด่านอรัญประเทศเป็นด่านชายแดนไทย-กัมพูชาที่สำคัญในการส่งออกและนำเข้าสินค้า รวมทั้งเป็นเส้นทางสัญจรที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว โดยในปี 2567 มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาผ่านด่านอรัญประเทศอยู่ที่ 110,718 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 63.4% ของมูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมด ส่วนด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบสูง ได้แก่ ด่านคลองใหญ่ จ.ตราด และด่านจันทบุรี จ.จันทบุรี โดยคาดว่ามูลค่าการค้าชายแดนจะหายไปราว 2,457 และ 2,159 ล้านบาท     ต่อเดือนตามลำดับ

กลุ่มสินค้าส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มอื่นๆ น้ำแร่น้ำอัดลมที่ปรุงรส ส่วนประกอบรถจักรยานยนต์อื่นๆ เครื่องยนต์สันดาปภายใน และสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรอื่นๆ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกผ่านชายแดนไปกัมพูชาในปี 2567 มากกว่า 4 พันล้านบาท และมีสัดส่วนการส่งออกผ่านชายแดนสูงถึง 93%-100% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าแต่ละรายการไปกัมพูชา

กลุ่มสินค้านำเข้าที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ ผักและของปรุงแต่งจากผัก เศษของอะลูมิเนียม ลวดและสายเคเบิลที่หุ้นฉนวน เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้าผ่านชายแดนจากกัมพูชาในปี 2567 มากกว่า

3 พันล้านบาท โดยเฉพาะมันสำปะหลังที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชาราว 1-2 ล้านตันต่อปี ซึ่งหากมีการปิดด่านหลายเดือน อาจทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบมันสำปะหลังในบางช่วง และต้องนำเข้าจากแหล่งอื่นทดแทน เช่น สปป.ลาว และเวียดนาม เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องในไทย เช่น อาหารแปรรูป อาหารสัตว์ เป็นต้น

2. ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

ความเสียหายจากความไม่สงบที่เกิดขึ้นคาดว่าจะส่งผลลบต่อภาคการท่องเที่ยวราว 2,970 ล้านบาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น

2.1) ผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เข้ามามีแนวโน้มลดลง คาดว่าจะได้รับผลกระทบราว 1,185 ล้านบาทต่อเดือน นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจมีสัดส่วนเพียง 2% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามาในไทย โดยในช่วง 6 เดือนของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เข้ามาไทยอยู่ที่ 217,652 คน ลดลงถึงราว -21%YoY และคาดว่าผลกระทบจากการปะทะระหว่างไทยและกัมพูชาจะทำให้นักท่องเที่ยวกัมพูชาลดลงในช่วงที่เหลือของปี 2568 ซึ่งเมื่อประเมินจากสถิติค่าใช้จ่ายของชาวกัมพูชาในปี 2565-2566 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุด พบว่า ค่าเฉลี่ยของความเสียหายจากการขาดรายได้ของนักท่องเที่ยวกัมพูชาจะอยู่ที่ราว 1,185 ล้านบาทต่อเดือน

2.2) ความเสียหายด้านการท่องเที่ยวใน 4 จังหวัดที่มีการปะทะคาดมีมูลค่าอย่างน้อยราว 1,785 ล้านบาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น 1) ความเสียหายจากการขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทย 1,766 ล้านบาทต่อเดือน และ 2) ความเสียหายจากการขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19 ล้านบาทต่อเดือน โดยการประมาณการข้างต้นประเมินจากค่าเฉลี่ยย้อนหลังของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติในปี 2565-67 ทั้งนี้ ใน 4 จังหวัดดังกล่าว จ.บุรีรัมย์ และ                 จ. อุบลราชธานีเป็น 2 จังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวมากที่สุด

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน แหล่งท่องเที่ยวสำคัญเช่น ปราสาทตาเหมือนธมและปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายแดนสำคัญใน จ.สุรินทร์ ได้ถูกสั่งปิดแล้ว และการปะทะที่เกิดขึ้นคาดส่งผลลบต่อเทศกาลท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.ค. 2568 เช่น งานเทศกาลผลไม้และของดีศรีขุนหาญ งานแข่งฟุตบอล งานดนตรี งานแสดงหุ่นยนต์ ใน จ. ศรีษะเกษ เป็นต้น

3. ผลกระทบต่อการลงทุน

ในเบื้องต้น ขณะนี้ผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชาในพื้นที่นอกเหนือจากจุดปะทะยังไม่มากนัก เนื่องจากการปะทะยังจำกัดอยู่เฉพาะบางจุดตามแนวชายแดน และยังไม่กระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานในเขตเมืองกัมพูชา

อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ยกระดับความรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชา โดยในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 100 ราย มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท1 โดยธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบสูง เช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม และค้าปลีก เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชาบางส่วนได้เตรียมมาตรการบริหารจัดการในกรณีฉุกเฉินไว้รองรับ หากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งยังได้เตรียมความพร้อมด้านการอพยพพนักงานสัญชาติไทยกลับมายังประเทศไทยไว้แล้ว2

1 อ้างอิงจาก สภาธุรกิจเตือนรัฐบาลไทย-กัมพูชา พิพาทลากยาวฉุดการค้าฟุบหนัก-ทุนไทย 5 หมื่นล้านกังวล

2 อ้างอิงจาก ธุรกิจไทยรื้อแผนกัมพูชา ยกเลิกอีเวนต์-เพิ่มสต๊อก-จัดแผนฉุกเฉิน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ

นอกจากนี้ ไทยมีแรงงานกัมพูชารวมกว่า 1 ล้านคน (แรงงานถูกกฎหมายราว 5.1 แสนคน) หากมีการดึงแรงงานกัมพูชากลับประเทศอาจกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น ก่อสร้าง การขายส่งขายปลีก อสังหาริมทรัพย์ และประมง เป็นต้น จากสถานการณ์แรงงาน

ต่างด้าวในเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่า ไทยมีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานทั่วราชอาณาจักรจำนวนทั้งสิ้น 4,080,613 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก 3 ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา 2,987,988 คน กัมพูชา 512,184 คน และสปป.ลาว 289,217 คน

โดยแรงงานกัมพูชาส่วนใหญ่อยู่ในกิจการก่อสร้างจำนวนอย่างน้อย 1.58 แสนคน รองลงมาคือกิจการต่อเนื่องการเกษตร จำนวนอย่างน้อย 31,958 คน และกิจการเกษตรและปศุสัตว์ จำนวนอย่างน้อย 2.64 หมื่นคน ซึ่งแรงงานทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่อาศัยในกรุงเทพฯ และชลบุรี

Krungthai COMPASS ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาจะส่งผลกระทบผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ การค้าชายแดน การท่องเที่ยว และการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายอย่างน้อยราว 17,000 ล้านบาทต่อเดือน ดังนี้

1) การค้าชายแดน คาดว่า การปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 5 ด่านสำคัญจะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาหายไปราว 14,011 ล้านบาทต่อเดือน แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกชายแดนและมูลค่าการนำเข้าชายแดนหายไปราว                   11,410 และ 2,601 ล้านบาทต่อเดือน ตามลำดับ โดยด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว คาดได้รับผลกระทบมากที่สุด สำหรับกลุ่มสินค้าส่งออกที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่ม ส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน ส่วนกลุ่มสินค้านำเข้า ได้แก่ ผักและของปรุงแต่งจากผัก โดยเฉพาะมันสำปะหลัง

2) การท่องเที่ยว ความเสียหายด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวกัมพูชาที่เข้ามาในไทยที่ลดลงและจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่ไม่สามารถไปท่องเที่ยวใน 4 จังหวัดที่มีการปะทะคาดมีมูลค่าอย่างน้อยราว 2,970 ล้านบาทต่อเดือน

3) การลงทุน หากสถานการณ์ยกระดับความรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชา โดยในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 100 ราย มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบสูง เช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม และค้าปลีก เป็นต้น

กระทรวงพาณิชย์ของไทยได้ประเมินผลกระทบการปิดด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อ มิ.ย. 68 ดังนี้ ระยะสั้นใน 3 เดือนแรก ธุรกิจรายย่อยข้ามแดน เช่น ตลาดชายแดนหยุดชะงัก โลจิสติกส์เปลี่ยนเส้นทาง ส่วนผลกระทบระยะกลาง 3-12 เดือน ผู้ส่งออกต้องหาตลาดหรือเส้นทางใหม่ หากยืดเยื้อนานเกิน 1 ปี อุตสาหกรรมไทยที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากกัมพูชาเริ่มกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเสถียรภาพพรมแดนลดลง

การบริหารความเสี่ยง ผู้ประกอบการควรพิจารณาการกระจายการค้าไปยังด่านอื่นที่ยังเปิดอยู่ รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งทางเลือก เช่น รถไฟ, ทางทะเล หรือขนส่งผ่านเวียดนาม และลาว ตลอดจนการเจรจาระดับทวิภาคี เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ

- 030

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ประเทศไทยอยู่ในช่วง 24 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนทราบผลภาษีการค้าจากสหรัฐฯ ประเทศไทยอยู่ในช่วง 24 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนทราบผลภาษีการค้าจากสหรัฐฯ
  • ค่าเงินบาทประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ค่าเงินบาทประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2568
  • มิ.ย.ส่งออกหนุนศก. ลงทุนภาคเอกชน-ท่องเที่ยวแผ่ว มิ.ย.ส่งออกหนุนศก. ลงทุนภาคเอกชน-ท่องเที่ยวแผ่ว
  • ค่าเงินบาทประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ค่าเงินบาทประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2568
  • SCB CIOแนะกลยุทธ์ลงทุน รับมือความผันผวนของตลาดโลก SCB CIOแนะกลยุทธ์ลงทุน รับมือความผันผวนของตลาดโลก
  • ส่งออก มิ.ย. 68 ขยายตัว 15.5%  ชี้ภาษีสหรัฐปัจจัยเสี่ยงครึ่งปีหลัง ส่งออก มิ.ย. 68 ขยายตัว 15.5% ชี้ภาษีสหรัฐปัจจัยเสี่ยงครึ่งปีหลัง
  •  

Breaking News

รบ.ทหาร‘เมียนมา’ไม่ต่ออายุสถานการณ์ฉุกเฉิน เตรียมพร้อมเลือกตั้งอีก6เดือนข้างหน้า

เพื่อนบ้านน้ำใจงาม! ยกที่สร้างห้องให้ยายพิการวัย 77 อาศัยหลับนอน

'ลิณธิภรณ์'ลงพื้นที่เชียงใหม่ หนุนประเมินภายนอกยกระดับ รร.ขนาดเล็ก

น้ำใจไม่หยุด! 'ชมพู่-น็อต'ส่งของอีก1คันรถ ช่วยชายแดนไทย-กัมพูชา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved