ปัจจุบันตัวเลขอัตราเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาจากประเทศทั่วโลก ค่อนข้างชัดเจนระดับหนึ่งแล้ว ยกเว้นประเทศจีนที่ยังมีการขยายเวลาออกไปอีก 90 วัน ซึ่งจะไปสิ้นสุดที่เดือนพฤศจิกายน ปัจจุบันตามอัตราภาษีที่จีนถูกเรียกเก็บอยู่ คือ 55% ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือจีนทำให้การส่งออกไปยังสหรัฐฯลดลง ดังนั้นสินค้าจีนมีการเปลี่ยนเป้าหมายมายังประเทศอื่น โดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งเอาเข้าจริงปรากฏการณ์นี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2566 ตั้งแต่นโยบายทรัมป์ 1.0 แล้ว และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สินค้าจากจีนก็ไหลทะลักเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศไทย สินค้าที่ทะลักเข้ามาไล่ไปตั้งแต่สินค้ากลุ่มเหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน ของใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆ เกือบทุกชนิด สินค้าเกษตร ฯลฯ...พูดภาษาชาวบ้าน ก็“สากกะเบือยันเรือรบ”นั่นแหละที่พี่จีนเขาส่งมาขายในไทย
ตัวเลขล่าสุด 6 เดือนแรกของปี 2568 ไทยมีการนำเข้าจากจีนในระดับ 30% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด 166,914.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ...และนี่คือประเด็นปัญหาที่สำคัญ ซึ่งภาคเอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าไทย พูดเรื่องนี้มาตลอดกว่า 3 ปี ว่าอุตสาหกรรมไทย ผู้ประกอบการไทย จะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)
ขีดเส้นใต้ไว้ 100 เส้น ว่า...ณ ตอนนี้ประเทศไทย ยังไม่มีมาตรการที่ดีพอในการสกัดกั้นสินค้าที่นำเข้ามา ทั้งที่ถูกกฎหมาย และไม่ถูกกฎหมาย เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งก็ไม่รู้ไปแอบหลับอยู่ที่ไหนถึงมองไม่เห็นปัญหานี้....เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา 24 กลุ่มอุตสาหกรรมไทยได้รับผลกระทบหนักมาก และถ้ากระทรวงพาณิชย์ยังแอบหลับอยู่แบบนี้ ปี 2568 กลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนจะเพิ่มเป็น 30 กลุ่มอุตสาหกรรม จาก 47 กลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นสมาชิกของ ส.อ.ท.
นี่คือผลกระทบทางอ้อมที่เกิดกับไทยจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ...และก็มั่นใจว่าการเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐฯจะไม่จบลงง่ายๆ ในเร็ววันนี้ด้วย แม้สุดท้ายแล้วจะได้ตัวเลขภาษีที่สหรัฐฯเรียกเก็บจากจีน แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) หรือกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกา เพราะจีนคือประเทศที่เกินดุลการค้ามากที่สุด หากสหรัฐฯไม่ทำอะไร ก็จะส่งผลอย่างมากต่อฐานะการคลังของสหรัฐฯ ที่สำคัญคือบั่นทอนความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสหรัฐฯไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ได้แน่ๆ
สรุปว่าหลังจากนี้ไป ผลกระทบทางอ้อมจะรุนแรงมากและจะยิ่งเพิ่มขึ้น โดยเวลานี้ถือว่าเห็นผลกระทบค่อนข้างชัดเจน และหากยังไม่มีมาตรการป้องกันอะไรเลย โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ถ้าไม่มีมาตรการตอบโต้ทางการค้าอย่างรวดเร็วและทันเวลา ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และอุตสาหกรรมไทยจะยิ่งแย่กว่านี้ เพราะเวลานี้สินค้าจีนทะลักเข้าไทยเกือบทุกอุตสาหกรรม และจะยิ่งมีมากขึ้นในระยะต่อไป
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี