แหล่งข่าวในการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า หลังจากฝ่ายบริหารรถไฟซุ่มดำเนินการศึกษาแผนปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และจัดทำแผนบริหารอัตรากำลังเชิงกลยุทธ์ โดยมีแนวคิดที่จะรวมศูนย์การบริหารจัดซื้อพัสดุของฝ่ายต่างๆ ในการรถไฟฯมาจัดตั้งเป็นศูนย์บริหารกลาง เพื่อความเป็นเอกภาพ ทำให้เกิดประสิทธิภาพ ลดการจัดซื้อพัสดุซ้ำซ้อน หรือจัดซื้อเกินความจำเป็น
โดยได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา คือ บริษัท อินดิโก คอนซัลติ้ง กรุ๊ป มาทำการศึกษาวิเคราะห์และทบทวนการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และจัดทำแผนบริหารอัตรากำลังเชิงกลยุทธ์ พร้อมเปิดให้ฝ่ายต่างๆได้แสดงความคิดเห็นเข้ามาก่อนรายงานผลการศึกษา เพื่อนำเสนอต่อบอร์ดการรถไฟฯในวันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2568 นี้
แหล่งข่าว กล่าวว่า เป้าหมายในการศึกษาทบทวนโครงสร้างองค์กรรถไฟดังกล่าว เพื่อกรุยทางไปสู่การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการพัสดุกลางการรถไฟฯ เพื่อเป็นหน่วยงานกลางกำหนดนโยบายและมาตรฐานกลางด้านพัสดุ ตลอดจนทำหน้าที่รับผิดชอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อความเป็นเอกภาพ ประสิทธิภาพ และลดความซ้ำซ้อนในการจัดหาพัสดุ
โดยมีการยกตัวอย่างหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่นๆที่มีการรวมศูนย์การบริหารพัสดุกลางเอาไว้ที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีกองบริหารพัสดุและจัดหากลาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีสำนักจัดซื้อเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบ และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีฝ่ายพัสดุการบินไทยเป็นหน่วยงานกลางในการจัดซื้อจัดหาพัสดุทั้งหมดขององค์กร
ส่วนการจัดหาพัสดุที่ต้องอาศัยงานเฉพาะทาง จะมีการกำหนดมาตรฐาน จัดทำ Vendor List ให้หน่วยงานจัดทำมาตรฐานด้านเทคนิคเป็นการเฉพาะ โดยหน่วยงานกลางจะเป็นผู้ดำเนินการจัดหาให้โดยตรง โดยอาจกำหนดกรอบเวลาในการจัดหาพัสดุแต่ละประเภท เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายในองค์กรรถไฟ ยังเห็นถึงความจำเป็นในการคงไว้ซึ่งกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของแต่ละฝ่ายเอง เพื่อความคล่องตัวและรวดเร็วในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ในอดีตการรถไฟฯเคยรวมศูนย์กลางจัดซื้อไว้ที่ฝ่ายการพัสดุ ให้ดำเนินการจัดหาให้กับฝ่ายการช่างกล แต่สุดท้ายฝ่ายการช่างกล ก็ต้องขอแยกออกมาจัดหาพัสดุครุภัณฑ์เป็นของตนเอง เพราะฝ่ายการพัสดุดำเนินการล่าช้า และขั้นตอนในการดำเนินการจะยาวกว่าปกติ เพราะจากโต๊ะหนึ่งไปโต๊ะหนึ่ง กว่าจะเสนอขึ้นไปถึงผู้อำนวยการฝ่ายพัสดุ ก็ออกไปเป็นลักษณะคอขวด จึงทำให้งานจัดซื้อจัดจ้างจึงอืดเป็นเรือเกลือ
นี่คือเหตุที่ฝ่ายการช่างกลต้องแยกตัวเองออกจากการรวมศูนย์การจัดซื้อพัสดุ ออกจากฝ่ายการพัสดุใหญ่ แต่บริษัทที่ปรึกษาเองอาจไม่ทราบถึงที่มาที่ไปในอดีต แต่เล็งเห็นแต่การลดจำนวนคนควบรวม แต่ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อองค์กร ต้องอย่าลืมว่าเหรียญนั้นมี 2 ด้าน การพิจารณาต้องดูให้ละเอียดและรอบคอบ ยิ่งจะเอาแต่ละฝ่าย เช่น ฝ่ายการช่างกล หรือฝ่ายการอาณัติสัญญาณโทรคมนาคม และฝ่ายการช่างโยธาไปควบรวมนั้น เคยได้รับฟังความเห็นแล้วหรือยัง เพราะเท่าที่ทราบมามีแรงต้านเป็นอย่างมาก แต่บริษัทที่ปรึกษาลุยไฟเหมือนรับงานนโยบายมาจากบิ๊กการรถไฟฯบางคนที่ต้องการกินรวบงานจัดซื้อทั้งหมดขององค์กรไว้กับตนหรือไม่ โดยไม่ได้สนใจคำทัดทานใดๆ หรือเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
ดังนั้นจึงควรคงระบบจัดซื้อจัดจ้างของแต่ละฝ่ายเอาไว้เอง เพื่อความคล่องตัว แว่วๆมาว่าการประชุมภายในเมื่อไม่นานมานี้ เสียงส่วนใหญ่ไม่มีใครเอาด้วยกับแนวทางการรวมศูนย์การจัดซื้อไว้ที่พัสดุใหญ่ยกเว้นฝ่ายก่อสร้างและโครงการพิเศษที่ประสงค์จะไปควบรวม เพราะว่าฝ่ายตนเองไม่ได้มีพัสดุเป็นของตนเอง จึงต้องฝากบอร์ดรถไฟฯ และผู้ว่าการรถไฟฯ ลงมาสอดส่องถึงคนทำงานด้วย ก่อนที่จะหมดกำลังใจ และเกิดคลื่นใต้น้ำในหน่วยงาน เนื่องจากว่าแต่ละฝ่าย เช่น ฝ่ายช่างกล และฝ่ายการช่างโยธา ฝ่ายอาณัติสัญญาณ เป็นงานวิศวกรรมเฉพาะด้าน ที่ต้องมีผู้ปฏิบัติงานที่มีความเข้าใจและมีความรู้พื้นฐานในส่วนงานนั้นๆในการกำหนดคุณลักษณะรายละเอียดสเปคของงานได้อย่างแท้จริง
ยิ่งในอนาคตยังจะมีงานและโครงการใหม่ๆ ที่ต้องรับผิดชอบเข้ามาอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงการจัดหารถจักรใหม่ 113 คัน หรือรถโดยสาร 184 คัน รวมถึงโครงการรถไฟทางคู่ ทางคู่สายใหม่ระยะ 2 รถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย ที่จะเพิ่มเข้ามา ทั้งยังมีงานก่อสร้างดูแลทาง สะพานและอาคารต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก จึงไม่เห็นด้วยการจะให้มีการรวมศูนย์บริหารจัดการพัสดุไว้แห่งเดียว
แหล่งข่าว กล่าวว่า การรถไฟฯถือว่า เป็นรัฐวิสหกิจขนาดใหญ่มาก แต่ละฝ่ายมีขนาดเท่ากับกรมๆหนึ่ง แล้วจะเอาทุกๆอย่างมารวมกัน อันนี้มันถอยหลังลงคลอง เพราะข้อเท็จจริงหลายองค์กรมีแต่จะลดขั้นตอนและกระจายอำนาจออกไปเพื่อความคล่องตัว สิ่งที่ถูกต้องพัสดุใหญ่ควรกำหนดแนวทางระเบียบภายในองค์กรแล้วให้พัสดุย่อยของแต่ละฝ่ายถือนำไปปฏิบัติ
“คงต้องฝากไปยังบอร์ดรถไฟฯและผู้ว่ารถไฟฯ ทบทวนแนวทางก่อนที่จะสายเกินแก้ ขนาดรัฐธรรมนูญยังมีการทำประชามติ กรณีเช่นนี้ท่านเคยทำแบบสอบถามคนในหน่วยงานของท่านหรือไม่ว่า เห็นด้วยกับการรวมศูนย์หรือไม่ เพราะสิ่งที่กำลังทำอยู่ไม่แตกต่างจากการบังคับฝืนความรู้สึกคนในองค์กร อีกทั้งบริษัทที่ปรึกษาที่จ้างมา ก็มักว่าไปตามทฤษฏี ไม่ใช่คนในที่คลุกคลีกับหน่วยงานนี้มาทั้งชีวิต จะมารู้ดีถึงปัญหาของหน่วยอย่างแท้จริงได้อย่างไร”แหล่งข่าว กล่าว
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี