**ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวถึงผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2568 ว่า ภาพรวมของผลประกอบการของ BAM สามารถปิดกำไรสุทธิครึ่งปีแรกที่ 1,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 70% ทั้งการทำให้ Port เปลี่ยนมาเป็นเงินได้เร็ว สิ่งที่ตามมาคือ ROA ROE หนี้ที่ปรับตัวลดลง รวมถึงต้นทุนเงินที่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ กำไร 1,511 ล้านบาท มาจากผลเรียกเก็บทั้งสิ้น 10,154 ล้านบาท สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่าผลการดำเนินงานที่ตั้งใจไว้ว่าผลเรียกเก็บ 17,800 ล้านบาท มาไกลเกินกว่าที่เราคาดเอาไว้ และตัวเลขน่าจะมีการปรับมากขึ้นกว่านี้ แต่ทั้งหมดมันไม่สำคัญ แต่อยากให้ดูงานของเรา ไม่ได้มุ่งหวังแต่ผลเรียกเก็บหรือผลกำไรอย่างเดียว แต่มุ่งหวังให้คนตัวเล็กๆได้บ้านคืน ตั้งแต่เราเปิดโครงการสุขใจได้บ้านคืน หรือ BAM พลิกฟื้นคืนธุรกิจ เราสามารถที่จะทำให้จำนวนยอดคนที่เดิมบ้านถูกยึดเกือบ 6,000 หลัง กลับมามีที่อยู่อาศัยได้ มุมของธุรกิจกว่า 200 ราย ที่ประสบปัญหาธุรกิจกลับมาประนอมหนี้กว่า 1,200 ล้านบาท
หากถามว่า Business Model คืออะไร อันแรกคือ ไม่ได้มุ่งหวังการที่จะทำให้ทรัพย์ NPL กลับมาเป็นทรัพย์ NPA โดยไม่ได้มองเหมือน AMC ทั่วไป ที่เป็น Generic Model ที่ทำให้ NPL กลับมาเป็น NPA แต่เรามองทางรอดของลูกค้า ซึ่งเห็นคนตัวเล็กที่ได้บ้านคืนไปกี่หลัง เห็นว่าเถ้าแก่ SME สามารถได้โรงงานกลับคืนไปทำกิจการได้มากขนาดไหน และในขณะเดียวกันเราไม่ได้ทำคนเดียว เรามีพี่ๆ เพื่อนๆ สถาบันการเงิน สามารถเข้ามาทำงานร่วมกันกับเราได้ ในขณะเดียวกันเราลืม Model ที่เราคิดว่านั่งทับทรัพย์แล้วคิดว่ามีคนมาซื้อทรัพย์ในมุมที่มี Margin สูง ที่เรียกว่า Capital gain เพราะฉะนั้นจากคุณปู่ที่เฝ้าทรัพย์ เราก็พลิกกลับมาลักษณะของเพื่อนที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แบ่งกำไรได้ และมุมที่สามารถที่จะปล่อยให้มีการผ่อนตรงกับ BAM ได้ ก็เป็นการแก้ Pain point ที่ลูกค้าโดยเฉพาะอยากได้ทรัพย์ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยได้รับการปฏิเสธสินเชื่อที่มากที่สุดในตลาดตอนนี้
คราวนี้คำว่าโรงงานแก้หนี้ (TDR Factory) คืออะไร โรงงานแก้หนี้คือ ให้ลูกหนี้กลับมาผ่อนประมาณ 12 งวด หรือ 18 งวด ก็สามารถที่จะมีสถาบันการเงิน หรือ Non Bank หรือ Bank ที่อยู่ Second tier สามารถเข้ามาเอาคนเหล่านี้ไป Re finance เพราะฉะนั้นวันนี้ End Game เรื่องของการกลั่น NPL กลับมาเป็น NPA คือการทำให้ NPL เหล่านั้นกลับไปเป็นหนี้ที่เรียกว่า RPL หรือ Reperforming Loan เพราะฉะนั้นวันนี้คนที่เคยล้ม ก็สามารถกลับมาลุกขึ้นยืนใหม่ได้ หลายๆคนบอกว่าให้ผ่อนไปยาวๆ แต่ถ้าผ่อนไปยาวๆแล้วไม่มีวงเงินใหม่ ก็จะรู้ดีว่าไม่มีทางรอด ก็เป็นแค่การยืดอายุ ยืดเวลาตายออกไป แต่วันนี้เรามาพร้อมกับเครื่องมือ End to End หรือ 360 องศา ซึ่งจะโฟกัสที่หนี้เป็นและถูกจริตกับ Bank ปล่อยหนี้ NPL ที่มาขายส่วนใหญ่ประมาณ 60% เป็นหนี้ที่ยังดำเนินกิจการ
เพราะฉะนั้นจะดีกว่าไหมที่จะให้ทางรอดของพวกเขานอกเหนือจากการเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ เรากำลังจะมีโครงการหมอหนี้เต็มรูปแบบ ลักษณะของการแก้หนี้อย่างบูรณาการ แก้หนี้หมายถึงไม่ใช่แค่เอา TDI หรือ Debt to Income มานั่ง Run ไม่ใช่เอา DSCR มานั่ง Run แต่หมายถึงจาก Run แล้วทำแผนการเรียกเก็บรายได้ในอนาคตของกิจการพวกเขา ซึ่งสามารถจะปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงการมีเงินใหม่เติมเข้าไปในกิจการได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นโครงการที่เรียกว่าโรงงานแก้หนี้ หรือ TDR Factory หรือหมอหนี้ กำลังจะเป็นรูปธรรมในไม่ช้า และวันนี้จะเห็นโครงการโรงงานแก้หนี้ Activate แล้ว สิ่งที่เราจะ Plug In โรงงานแก้หนี้ก็คือ FA Center หรือว่าคลินิกหมอหนี้ ที่เป็นคลินิกหมอหนี้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่การพักหนี้อย่างเดียว
ในมุมของที่เราระบายของ ผลงานที่ระบายของเป็นอย่างไร เราดูขนาดเล็ก ซึ่งขนาดเล็กน่าจะได้ผลเรียกเก็บ 50 ล้านบาท ขนาดกลางผลเรียกเก็บน่าจะไปแตะตัวเลข 100 ล้านบาท ขนาดใหญ่รอเวลาที่เห็น TTB คือ To Be Verify วันนี้เรากับเจ้าสาวที่โตมากที่สุดกำลังทำ Due diligence ซึ่งคิดว่าอีกไม่นาน ไม่น่าเกินไตรมาส 3 หรืออย่างช้าต้นไตรมาส 4 ก็น่าจะประกาศผลการดำเนินงานได้กับคนที่เป็นคนตัวใหญ่มากสุดได้ และหนึ่งอาวุธลับที่กำลังจะทำการขายทรัพย์คืนกลับสิ่งที่เป็นทรัพย์ของ Developer ผมได้คำว่า Branded Property Developer หมายความว่าการที่สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ ไม่ใช่แค่การกระจุกตัวอยู่ที่ลูกค้าคนตัวเล็กที่อยากจะได้บ้าน แต่รวมถึงคนที่เป็น Developer ด้วย ราคาที่ดินเปล่าในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น CBD1 CBD2 หรือชายขอบกรุงเทพฯ ราคาที่ดินมันเลยคำว่าคุ้มทุนไปแล้ว เพราะฉะนั้นถ้า Branded Property เหล่านี้สามารถซื้อทรัพย์คืนจาก BAM ได้ และเอาไป Resale ได้ อันนี้จะเป็นอีกหนึ่งการแต่งงานของเราที่น่าจะเกิดภายในไตรมาส 3 กับ Branded Property Developer ในบางกลุ่มที่สามารถที่จะซื้อทรัพย์คืนจาก BAM ได้ โดยทรัพย์ของโครงการเหล่านี้มีอยู่ใน Port ของ BAM กว่า 10,000 รายการ ซึ่งพวกเขาสามารถซื้อทรัพย์คืนได้ในราคา 75% ของราคาขายในตลาด และเขาสามารถที่จะเอาไป flip and flip และ Resale ให้กับคนตัวเล็กได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดประมาณ 10%
ทั้งหมดทั้งมวลคือแผนธุรกิจของเราที่ทำให้สามารถ “หมุนเร็ว แล้วคืนกำไร” โดยกำไรไม่ใช่คืนให้กับเจ้าสาว แต่กำไรที่คาดหวังมากที่สุดคือลูกค้าปลายทางจะได้ทรัพย์ในราคาที่ถูกลง และในขณะเดียวกันที่คุยกับ UOB แล้ว UOB บอกว่าปกติมันเป็นการเดาใจระหว่างราคาประเมินของคนซื้อทรัพย์ ราคาประเมินของตัวแบงก์ ราคาประเมินของ AMC วันนี้เมื่อไหร่ที่เราเปิดสมุดพกทุกคนจะได้เห็นโครงสร้างต้นทุนที่แท้จริง เพราะฉะนั้นจะไม่มีการเผื่อค่าดอกเบี้ยหรือค่าความเสี่ยง ท้ายที่สุดนอกจากราคาถูกลง จะเป็นสินเชื่อที่ราคาย่อมเยามากขึ้น เพราะแบงก์ไม่ต้องผูกค่าความเสี่ยงอีกต่อไป
ในส่วนของผลงานครึ่งปีแรก 2567 อยู่ที่ 7,493 ล้านบาท ปี 2568 นี้เราเติบโตที่ 10,154 ล้านบาท ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ใน Ratio ที่น่าสนใจ คือมีความสมดุล เริ่มจะเป็น 60:40 แล้ว จริงๆแล้ว NPL กับ NPA ในวันนี้สิ่งที่มันควรจะเกิด NPL จะมี Ratio ที่สูงกว่า NPA ในระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นโฟกัสของเราที่อยากจะให้เห็นคือการทำโฟกัสของการแก้หนี้ เพราะฉะนั้นการแก้หนี้จะเห็นได้ว่าสัดส่วนจะเป็น 60:40 แล้ว ซึ่งมาจาก NPL 61% และ NPA อยู่ที่ประมาณ 40%
ขณะที่ JV AMC ที่เป็นบริษัทลูกทั้ง 2 บริษัท สามารถเติบโตได้ ในมุมของบริษัท บริหารสินทรัพย์ อารีย์ มีสินทรัพย์ 1,200 กว่าล้านบาท มีกำไรสุทธิแล้ว 38 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับทางบริษัท บริหารสินทรัพย์อรุณ ซึ่งเน้นในเรื่องของหนี้ที่มีหลักประกัน การที่จะผันออกมาเป็นเม็ดเงินหรือผลเรียกเก็บอาจจะช้านึดนึง แต่มีความ Stable เพราะฉะนั้นในมุมของสินทรัพย์ประมาณ 2,600 กว่าล้านบาท มีผลเรียกเก็บแล้วประมาณ 22 ล้านบาท ในหลายๆครั้งเป็นห่วงว่าลูกจะสามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพหรือเปล่า ก็กำลังจะบอกว่าลูก 2 คน อาจจะยังไม่พอเลี้ยง แต่ในอนาคตอาจจะมีลูกคนที่ 3, 4, 5 ก็ต้องบอกว่าคุณพ่อคนนี้นอกจากเจ้าชู้แล้ว ก็อยากที่จะมีลูกมากด้วย ก็เลยเป็นที่มาว่า เราเตรียมที่จะแต่งงานกับเจ้าสาวคนที่ 4, 5, 6 และเราก็กำลังเตรียมความพร้อมจะคลอดลูกคนที่ 3, 4, 5 เช่นเดียวกัน ฉะนั้นวันนี้สิ่งที่ BAM สร้างไม่ได้เป็นเรื่องผลสัมฤทธิ์ของตัว BAM เอง แต่ในอนาคต BAM กำลังจะสร้าง Eco System สามารถให้ทุกๆ คนเติบโตได้พร้อมกับ BAM
มุมนี้ตอกย้ำอีกครั้งว่า หนี้เสียเริ่มต้นจากที่มันค่อนข้าง Stable เริ่ม Strike Rocky ขึ้นไปเรื่อยๆ ในมุมนี้เป็นมุมกำลังจะบอกว่า มันเป็นฤดูใบไม้ผลิของ AMC เพราะฉะนั้นในมุมของ AMC เราแค่รอดอกซากุระบาน เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมีเงินทุนสะสมไว้ค่อนข้างเยอะในการที่จะซื้อ เรารอว่าเมื่อไรราคาที่เขาเสนอขายกับราคาที่จะเข้าซื้อถ้ามันตรงกันเมื่อไร ในไตรมาส 3 และไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 นี้จะเป็นหน้า Shopping ของ BAM
มุมนี้อยากที่จะให้เห็นว่าในหนี้เสียทั้งหมดมีการเอาออกมา ในครึ่งปีหลังน่าจะมีเอาออกมาขายอีกประมาณ 200,000 ล้านบาท และเราน่าจะเข้าไปซื้อประมาณ 30,000 ล้านบาท และคาดว่าน่าจะประมูลได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท อันนี้เป็นตัวเลขที่เรียกว่า Very Very Conservative ถามว่าทำไมเราจึงไม่ซื้ออุตลุดเหมือนเมื่อก่อน คำตอบคือเราเลือกซื้อวันนี้ เครื่องยนต์ของ BAM ที่ทำงานมาประมาณ 26 ปี เราตกผลึกแล้วว่าของที่ซื้อและสามารถที่จะ Turn กลับมาเป็นผลเรียกเก็บได้คืออะไร อันแรกคือหนี้ที่เป็น Corporate หนี้ที่เป็น SME หนี้ที่เป็น Housing อันนี้เป็นสิ่งที่ BAM จะเข้าซื้อ เราจะไม่เข้าซื้อ 360 องศา อีกต่อไป ก็เลยเป็นที่มาว่าระยะเวลาในการถือครองทรัพย์จากเดิมที่มีระยะเวลาประมาณ 8 ปี พวกเราจะพยายามโฟกัสและกดให้ลงไม่เหลือเกิน 4 ปีครึ่ง
วันนี้เป็นการตอกย้ำว่า BAM เป็นมากกว่า AMC วันนี้ BAM กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า Enabler หรือ Business Enabler หรือ Recycling Machine คือจะไม่โตคนเดียว ไม่รวยคนเดียว และเราจะคืนสิ่งที่เป็นคุณค่า ไม่ว่าจะกลับสู่ Partner ก็ดี กลับสู่คนตัวเล็กๆก็ดี นั่นคือความตั้งใจของ BAM และคิดว่าเราเจอพื้นที่ปลอดภัยในการที่จะดำเนินกิจการของ BAM แล้ว นั่นเลยเป็นที่มาว่า เราจะไม่รบกับใคร แต่เราจะทำหน้าที่สร้างคุณค่า รวมถึงกำไร และรายได้ ให้กับพันธมิตรตั้งแต่ต้นน้ำคือสถาบันการเงิน ไปจนปลายน้ำก็คือคนที่เป็นผู้ซื้อทรัพย์ หรือคนตัวเล็กๆที่อยากจะเข้ามาแก้หนี้
**อนันตเดช พงษ์พันธุ์**
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี