'ดีอี’ตั้งวอร์รูม-ปรับแนวทาง
ปลดล็อกอายัดบช.
เร่งคัดแยกผู้สุจริต/บัญชีม้า
ระงับแค่วงเงินต้องสงสัย
ย้ำไม่ได้ระงับหมดทั้งบัญชี
ชาวบ้านโวยเดือดร้อนหนัก ถูกอายัดบัญชีหลังมีเงินโอนเข้าจากบัญชีม้า ตำรวจไซเบอร์ชี้เป็นหนึ่งในมาตรการระงับบัญชีต้องสงสัยเพื่อตรวจสอบ รับอาจกระทบสุจริตชนบ้าง เหตุคนร้ายเปลี่ยนวิธีนำเงินออกออกใช้ปชช.เป็นเหยื่อ ไม่นิ่งนอนใจเร่งหารือสถาบันการเงินแก้ปัญหา-ปรับเกณฑ์-ปลดอายัดบัญชี ระดมจนท.ช่วยรับเรื่องพร้อมเปิดช่องทางสายด่วน1441พ่วงเบอร์ตรง 09-5425-7478 รับเรื่องเพิ่ม ขณะที่‘ปลัดดีอี’ แจงอายัดบัญชีมุ่งสกัดเงินผิดกม.โยงภัยออนไลน์ ผู้บริสุทธิ์ขอปลดล็อกได้ที่ AOC 1441 ยันเป็นการระงับเส้นเงิน ไม่ใช่อายัดบัญชี เร่งแยกผู้บริสุทธิ์ ตั้งวอร์รูมรับแจ้งตรวจสอบ-ปลดล็อคทันที
จากกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนจำนวนมาก กรณีมีการอายัดบัญชีธนาคารของร้านค้าต่างๆ ที่ถูกสงสัยว่าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการเปิดบัญชีม้า เพื่อก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้มีคนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน ซึ่งสถานการณ์บานปลายมื่อมีคนจำนวนมากเริ่มถอนเงินสดออกจากบัญชี และร้านค้าหลายแห่งประกาศไม่รับโอนเงินชำระค่าสินค้า จะรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น
วอนปชช.เข้าใจมาตรการล้างบช.ม้า
เมื่อวันที่ 14 กันยายน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวว่า มาตรการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ กำหนดระงับบัญชีต้องสงสัยชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ โดยใช้แนวทางนี้มาระยะหนึ่งแล้ว สามารถช่วยปิดกั้นเงินผิดกฎหมายได้ แต่ต้องยอมรับว่า หลังมีมาตรการดังกล่าวทำให้คนร้ายปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการ เพื่อนำเงินที่หลอกลวงประชาชนออกจากระบบ จากเดิมจะให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีม้าก่อนนำบัญชีม้ากระจายไปยังบัญชีแถวสองแถวสาม และไปซื้อเงินสกุลดิจิทัล แต่ปัจจุบันพบว่าแทนที่จะซื้อคริปโท หรือสกุลเงินดิจิทัล กลับโอนซื้อสินค้ากับร้านค้าโดยตรง และให้ร้านค้าส่งสินค้าไปยังจุดที่คนร้ายได้เตรียมไว้ ก่อนนำสินค้าไปเล่นแร่แปรธาตุเป็นเงิน เป็นรูปแบบหนึ่งในการฟอกเงิน และเริ่มกระจายมายังกลุ่มร้านค้ารายย่อย หรืออย่างกรณีล่าสุดที่คนร้ายปรับวิธีนำเงินออกคือ จะโอนเงินเข้าบัญชีของเด็กและเยาวชน เป็นเงิน 1 แสนบาท จากนั้นจะโทรศัพท์ไปหาเด็ก ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี พร้อมบอกว่าโอนผิด ให้โอนเงินกลับไปยังบัญชีม้าที่เตรียมไว้ ทำให้บัญชีของเด็กคนดังกล่าวถูกอายัดไปด้วย ซึ่งปัจจุบันตำรวจได้ปลดอายัดบัญชีของเด็ก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นอยากให้ประชาชนเข้าใจว่าตำรวจและสถาบันการเงินดำเนินการตามมาตรการ เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เงินของสุจริตชนตกไปถึงมือของคนร้าย
ระดมจนท.เร่งตรวจสอบ-ปลดอายัดบช.
พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การถูกระงับบัญชีอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ธนาคารจะระงับการทำธุรกรรมชั่วคราว หากบัญชีไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของมิจฉาชีพ ซึ่งเมื่อก่อนการระงับบัญชีม้า ตาม พ.ร.ก. มาตรา 7 จะใช้คนกรอกเลย ทำให้มีงานค้างเยอะ ตอนนี้ธนาคารเริ่มใช้ระบบอัตโนมัติไล่เส้นเงินติดตามคนร้าย ทำให้คนที่เคยรับเงินผ่านการฟอกเงินของคนร้ายจะถูกระงับบัญชี บางคนเพิ่งโดนหลังจากรับเงินมานาน เพราะว่าผู้เสียหายเพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอกแล้วเพิ่งมาแจ้งความ ด้วยเหตุนี้ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งตนระดมเจ้าหน้าที่ประสานข้อมูลกับธนาคาร เพื่อตรวจสอบและแก้ไขให้เร็วขึ้น พร้อมเปิดช่องผ่านโทรศัพท์ในการรับแจ้งข้อมูล เพื่อตรวจสอบในระบบศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนการอายัดบัญชี ยืนยันว่าประชาชนสุจริตชนสามารถใช้บัญชีทำธุรกรรมซื้อขายได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ต้องมั่นใจว่าได้รับเงินจากบัญชีของคู่ค้าโดยตรง และหากมียอดชำระสูงต้องตรวจสอบบัตรประชาชนกรณีร้านทอง ส่วนประชาชนรายใดโดนอายัด สามารถยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารของตัวเอง หรือสอบถามข้อมูลกระบวนการการขอยกเลิกการอายัด ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการอายัดบัญชีของ CCIB 09-5425-7478 หรือ 1441 อย่างไรก็ตาม จากความกังวลของประชาชนที่เกิดขึ้น บช.สอท.ไม่นิ่งนอนใจ ได้หารือกับ สถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเห็นชอบร่วมกันเบื้องต้นว่า จะเร่งปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริตโดยเร็ว
สว.ห่วงคนแห่ถอนเงินไม่มั่นใจแบงก์
น.ส.ภิญญาพัชญ์ศันสนียชีวิน ส.ว. กล่าวถึงปัญหาการอายัดบัญชีธนาคารโดยไม่เป็นธรรมว่า เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนมากถูกอายัดบัญชี ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า หรือการกระทำความผิดทางการเงิน ส่งผลให้ไม่สามารถทำธุรกรรมได้ตามปกติ ขณะที่บางคนถึงขั้นพบว่า ยอดเงินในบัญชีติดลบโดยไม่ทราบสาเหตุ สร้างความสับสนและความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ตนฟังข่าวทั้งวันแล้วรู้สึกช็อก หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ตายกันหมดแน่ เนื่องจากไม่สามารถทำธุรกรรมได้ บางคนต้องใช้เงินหมุนเวียน
“ผลกระทบลุกลามไปสู่สังคมในวงกว้าง ข้าราชการบำนาญ ครูเกษียณ และชาวบ้านที่พึ่งพาเงินโอน ไม่สามารถเบิกจ่ายมาใช้ชีวิตได้ ร้านค้าหลายแห่งต้องงดรับการโอนหรือ QR code ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ประชาชนจำนวนมากแห่ถอนเงินออกมาเก็บเป็นเงินสด เพราะไม่มั่นใจว่าระบบธนาคารจะปลอดภัยจริงหรือไม่” น.ส.ภิญญาพัชญ์กล่าวและว่า ถึงแม้ล่าสุด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตั้งทีมพิเศษ และเปิดสายด่วน 1441 รองรับให้ประชาชนแจ้งปัญหาและตรวจสอบเบื้องต้น เพื่อปลดการอายัดโดยเร็ว แต่ยังถือเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ตนขอเสนอแนวทางต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งปลดอายัดบัญชีผู้บริสุทธิ์ให้แล้วเสร็จภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังตรวจสอบเบื้องต้น
แนะกำหนดมาตรการชดเชยค่าเสียหาย
“ที่สำคัญ ต้องกำหนดมาตรการชดเชยค่าเสียหายแก่ผู้ได้รับผลกระทบ จัดทำระบบแจ้งเตือนที่โปร่งใสและชัดเจน เพื่อให้เจ้าของบัญชีเข้าใจเหตุผลที่ถูกอายัด บูรณาการการทำงานระหว่างตำรวจ ธนาคาร และหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อลดการกระทบผู้บริสุทธิ์โดยไม่จำเป็น” น.ส.ภิญญาพัชญ์กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์กล่าวว่า ความเดือดร้อนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากปล่อยให้ประชาชนหวาดกลัวจนแห่ถอนเงินออกจากระบบ จะไม่เพียงทำลายความมั่นใจของประชาชน แต่ยังบั่นทอนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างจริงจังและเร่งด่วน ตนก็ใช้ทุกกลไกนิติบัญญัติตรวจสอบ หาทางออกด้วยเช่นกัน
‘ดีอี’แจงอายัดบช.มุ่งสกัดเงินผิดกม.
ขณะที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ชี้แจงมาตรการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ว่า มาตรการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ กำหนดระงับบัญชีต้องสงสัยชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ โดยใช้แนวทางนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งสามารถช่วยปิดกั้นเงินผิดกฎหมายได้ กรณีที่มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง สามารถสอบถามข้อมูลและกระบวนการขอยกเลิกการอายัดบัญชีได้ที่ ศูนย์ AOC 1441 กด 2
‘ธปท.’ถกด่วนปรับแนวทาง‘อายัดบัญชี
นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่า จากกรณีที่มีข่าวการอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้านั้น บัญชีที่ได้รับผลกระทบจะเป็นบัญชีที่อยู่ในเส้นทางเงินที่รับโอนจากบัญชีม้าเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) และธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ได้ยกระดับการจัดการบัญชีม้า โดยขยายขอบเขตการติดตามเส้นทางเงินให้กว้างขึ้น เพื่อกักเงินที่โยงกับบัญชีม้ามาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด จึงทำให้การระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากขึ้น
น.ส.ดารณีกล่าวต่อว่า จากความกังวลที่เกิดขึ้น ธปท.หารือกับ ศปอท. และ ธพ. แล้ว และเห็นชอบร่วมกันเบื้องต้นว่าจะเร่งปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต โดยจะหารือร่วมกันวันนี้ (14 กันยายน) และจะเริ่มดำเนินการได้ทันที
สำหรับประชาชนสุจริตที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวช่วงที่ผ่านมา ามารถติดต่อยกเลิกการระงับ โดยติดต่อไปยังศูนย์ AOC 1441 ต่อ 2 ได้
ปลัดดีอียันไม่ใช่อายัดบัญชีแค่ระงับวงเงิน
นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมระหว่างกระทรวงดิจิทัลฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สมาคมธนาคารไทย และตำรวจศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ยืนยันว่ากรณีที่เป็นกระแสบนโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่การอายัดบัญชี แต่เป็นการระงับวงเงินตามธุรกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือเกี่ยวข้องบัญชีม้า
ทั้งนี้ ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือพ.ร.ก.ป้องกันภัยไซเบอร์ เข้ามาช่วยผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอก โดยอาศัยกลไกอำนาจไล่ตามเส้นเงินว่าไปอยู่ในบัญชีใดกลับมา ซึ่งเป็นการระงับยอดเงินนั้น ไม่ใช่การอายัดบัญชี โดยการระงับการทำธุรกรรมวงเงินชั่วคราว วงเงินจะถูกล็อก แต่อายัดเป็นกรณีเดียวคือ ตำรวจออกหมายอายัดเท่ากับว่าบัญชีจะถูกยุติการดำเนินการ
“การระงับส่วนใหญ่บัญชีดำเนินการได้ แต่บัญชีจะใช้วงเงินที่เข้าข่ายผิดกฎหมายไม่ได้ โดยจะพิจารณาเพิ่มว่ากลไกได้รับผลกระทบจากบัญชีถูกระงับหรือไม่ ซึ่งตามข้อมูลการระงับธุรกรรมเกิดขึ้นมาหลายปี และได้มีโทรฯ เข้ามาขอปลด โดยให้เจ้าของบัญชีไปแสดงตัว” ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯกล่าว
แฉมีบช.ม้าแถวหน้าโทรมาขอปลดอายัดด้วย
และว่า อย่างไรก็ตาม ตามพ.ร.ก.ฉบับใหม่ให้อำนาจ ศปอท. มีอำนาจเพิกถอนระงับวงเงินชั่วคราวที่ถูกระงับไว้ หลักการคือ ศูนย์ AOC 1441 สามารถรับเรื่อง เมื่อโทรฯ เข้ามา จะมีวิธีแยกผู้บริสุทธิ์ออกจากผู้ที่มีส่วนกระทำความผิด แต่จากที่มีผู้ติดต่อขอเข้ามาปลดระงับบัญชี พบว่า มีหลายรายที่เป็นบัญชีม้า ได้โทรฯ เข้ามาขอปลด เป็นบัญชีม้าแถวหนึ่งอยู่พอสมควร
สำหรับแนวทางดำเนินการ จะตรวจสอบเส้นเงินที่เกิดขึ้น ได้เชิญธนาคารเข้ามาประจำศูนย์ทำงานเป็นวอร์รูม ร่วมกับตำรวจ และ ศปอท. เข้ามาเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจสอบร่วมกันว่าเงินในบัญชีมีลักษณะอย่างไร รูปแบบการเงินปกติหรือไม่ จำนวนวงเงินเหมาะสมกับการใช้ชีวิตปกติหรือไม่ และศปอท.มีอำนาจปลดระงับบัญชีได้ทันที
“ได้ทดสอบดูแล้ว มีบางเคสให้ปลด และมีหลายเคสที่มีส่วนทำความผิด เราจะสามารถแยกแยะได้อย่างไร โดยใช้เวลาเช็กต่อบัญชีไม่มาก โดยใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไม่กี่นาที เคลียร์แต่ละเรื่องได้ แต่จะมีเคสจำนวนหนึ่งไม่สามารถเพิกถอนการระงับธุรกรรมได้ เพราะไปกระทบผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอกลวง แต่ในหลายส่วนจะดำเนินการให้เร็ว ให้ผู้บริสุทธิ์และผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากกระบวนการ แต่ถ้าหลายเคสหลุดออก เส้นทางการเงินวิ่งต่อไป คนบริสุทธิ์อื่น จะได้รับการเพิกถอนการระงับธุรกรรมชั่วคราวด้วย” ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯระบุ
มี600-700รายยื่นขอปลดระงับบัญชี
และว่า ขณะนี้ได้รับรายงานมีผู้ขอปลดระงับบัญชี 600-700 ราย และทยอยกันเข้ามา แต่จากการสอบถามสมาคมธนาคารไทย ยอดระงับธุรกรรมไม่ได้สูงขึ้นจากเดิม แต่มีแนวโน้มลดลงด้วยซ้ำ ซึ่งสิ่งที่ต้องทำคือ ต้องแยกคนบริสุทธิ์จริง ออกจากการถอนหรือระงับชั่วคราว แต่ถ้าเป็นหมายอายัดเป็นเรื่องตำรวจ โดยตำรวจเห็นแล้วว่าทำความผิด จึงต้องออกหมายอายัด แต่หลักการกำลังตรวจสอบ ซึ่งกรณีนี้ที่เกิดขึ้นเป็นการระงับการทำธุรกรรมไม่ใช่การอายัดบัญชี
นายวิศิษฏ์กล่าวอีกว่า การระงับมีหลายระดับ ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่ได้เกี่ยวอะไร ถ้าตรวจสอบได้ว่าได้รับเงินสุจริต มีบัญชีเดียวและวงเงินมีแค่นั้นก็ไม่ได้เกี่ยว แต่หลายเคสมีลักษณะขายบัญชี และเปิดอีกหลายบัญชีมาก ถ้าตรวจสอบได้ว่าเป็นบัญชีม้า ต้องระงับบัญชีอื่นไปด้วย ซึ่งเป็นบัญชีม้าสีดำ มีกลไก ปปง.การมีบัญชีของคนนั้นทำได้ยากขึ้นด้วย ซึ่งอำนาจคนละกฎหมาย ของ ศปอท.เป็นการระงับธุรกรรมชั่วคราว เพื่อให้ตำรวจมีเวลาดำเนินคดีได้ ถ้าไปถึงตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพออายัดบัญชี ก็เป็นไปตามกฎหมายวิธีกระบวนการอาญา จะใช้ตามกฎหมายนั้น
ไม่มีสัญญาณถอนเงินผิดปกติ
นายวิศิษฏ์กล่าวถึงกรณีคนแห่ถอนเงินว่า จากการตรวจสอบพบมีหลายเคส เป็นบัญชีม้ามาขอให้ถอน เพราะกลัวจะถูกระงับบัญชี และมีผู้บริสุทธิ์มาขอด้วย ซึ่งส่วนนี้ต้องรีบคัดแยกออกให้เร็ว โดยยืนยันอยู่ในกรอบที่บริหารจัดการได้ ถ้าคนบริสุทธิ์มายื่นคำร้อง และถ้าตรวจสอบแล้วเชื่อว่าเป็นคนไม่เกี่ยวข้องก็ปลดทันที วงเงินที่ถูกล็อกจะใช้ได้ทันที ขณะที่สมาคมธนาคารไทยยืนยันไม่มีสัญญาณถอนเงินที่ผิดปกติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี