กระทรวงดีอี ลงนาม MOU 4 ฉบับ ผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ขับเคลื่อนการใช้งานด้านดิจิทัล ทั้งการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้บริการบัตรอัตโนมัติ (Easy Pass) การตรวจสอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Office การพัฒนาแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้งานบนระบบ e-Office รวมถึงการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล การรู้เท่าทันภัยออนไลน์และการเตือนภัยพิบัติ พร้อมสนับสนุนการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้าน AI เพื่อการท่องเที่ยว
ศ.(พิเศษ) วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การต้านภัยอาชญากรรมออนไลน์ การผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ล้วนกำลังเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงดีอีจึงได้มีการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) 4 ฉบับ เพื่อเดินหน้าการขับเคลื่อนการใช้งานดิจิทัลให้กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ทั้งนี้ MOU 4 ฉบับดังกล่าว ประกอบด้วย 1.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้บริการบัตรอัตโนมัติ (Easy Pass) ของหน่วยงานภาครัฐ ร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งจะร่วมกันออกแบบและพัฒนาระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษบัตรอัตโนมัติ ระบบบริหารการเบิกจ่ายค่าผ่านทางพิเศษ (XPress) ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลการให้บริการ Easy Pass ให้มีความมั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เพื่อการควบคุมและตรวจสอบการเดินทาง และบริหารจัดการการเบิกจ่ายค่าผ่านทางพิเศษของหน่วยงานของรัฐ
2.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการตรวจสอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Office ภายใต้งานบริหารคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ร่วมกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยจะร่วมบูรณาการและเชื่อมโยงระบบ e-Office ภายใต้ GDCC และระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารและสนับสนุนการตรวจสอบ (e-Audit) สร้างความเชื่อมั่นด้านการตรวจสอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และลดภาระการจัดเตรียมเอกสารกระดาษสำหรับการตรวจสอบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใส สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลในการตรวจเงินแผ่นดิน
3.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้งานบนระบบ e-Office ภายใต้งานบริการคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ขับเคลื่อนระบบราชการดิจิทัล ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยร่วมกันพัฒนาเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับการเงินการคลังภาครัฐ รวมถึงเอกสารที่หน่วยงานภาครัฐมีความต้องการใช้ร่วมกันในรูปแบบ e-Form นำเข้าสู่ระบบ e-Office ภายใต้ GDCC ทำให้หน่วยงานที่ใช้ระบบ e-Office ร่วมกันได้ เพื่อรองรับการพัฒนาระบบราชการด้วยดิจิทัล
4.กระทรวงดีอีได้ร่วมมือกับองค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล การรู้เท่าทันภัยออนไลน์ และการเตือนภัยพิบัติ ผ่านเครือข่ายวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชน เพื่อส่งเสริม และเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล รู้เท่าทันภัยดิจิทัล สามารถรับมือกับข่าวปลอมและภัยคุกคามทางดิจิทัล รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลการเตือนภัยดิจิทัลและภัยพิบัติต่างๆ เพื่อสร้างความรับรู้ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ
นอกจากนี้กระทรวงดีอียังได้สนับสนุนการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้าน AI เพื่อการท่องเที่ยวแห่งแรกในโลก โดยร่วมมือกับบริษัท Agoda ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการประยุกต์ใช้ AI เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
“กระทรวงดีอีได้สร้างสรรค์บทบาทการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลมาตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา หลังการสถาปนากระทรวงดีอีขึ้นมา และในอนาคตกระทรวงดีอีพร้อมที่จะเดินหน้าการสร้างความตระหนักรู้ ความเชื่อมั่นในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับประชาชนต่อไป โดยเฉพาะการสร้างภูมิคุ้มกัน การป้องกันและปรามปราบอาชญากรรมออนไลน์ ที่ต้องขับเคลื่อนการทำงานควบคู่ไปกับการสร้างเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป”ศ.(พิเศษ) วิศิษฏ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี