ส่งออกเดือน ส.ค. 2568 ขยายตัว 5.8%

ส่งออกเดือน ส.ค. 2568 ขยายตัว 5.8%

วันจันทร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568, 09.38 น.

ส่งออกเดือน ส.ค. 2568 ขยายตัว 5.8% คาดส่งออกแผ่วลง หลัง Front-loading อ่อนแรงชัดเจน ขณะที่สหรัฐฯ เริ่ม Reallocate แหล่งนำเข้าไปยังตลาดที่ภาษีต่ำกว่าชาติเอเชีย มูลค่าส่งออกเดือน ส.ค. 2568 ขยายตัว 5.8%

นาย ฉมาดนัย มากนวล Krungthai Compass มองว่า มูลค่าส่งออกเดือน ส.ค. อยู่ที่ 27,743.2 ล้านดอลลาร์ฯ เติบโต 5.8%  ชะลอตัวจาก 11.0%  เมื่อเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้ากลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่อง สวนทางกับสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่กลับมาหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สำหรับการส่งออกทองคำในเดือนนี้กลับมาขยายตัว 144.0%YoY หลังหดตัวในเดือนก่อน ทำให้เมื่อหักทองคำแล้วมูลค่าส่งออกเดือนนี้ขยายตัวได้ 3.3%YoY โดยมีแรงขับเคลื่อนที่สำคัญจาก


การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 11.2%YoY ชะลอลงจาก 14.0%YoY ในเดือนก่อน โดยสินค้าสำคัญที่เติบโต ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+44.1%) แผงวงจรไฟฟ้า (+37.0%) เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+15.3%) และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (+10.2%) เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด (-36.9%) และเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ (-24.4%) และผลิตภัณฑ์ยาง   (-3.1%) เป็นต้น

การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว 10.7%  กลับมาหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยสินค้าเกษตรหดตัว 13.6%  กลับมาหดตัวอีกครั้งในรอบ 4 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว 7.2%  ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ข้าว (-30.1%) ยางพารา (-27.9%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-10.3%) และผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง (-16.9%) ซึ่งกลับมาหดตัวในรอบ 4 เดือน ส่วนสินค้าสำคัญที่ขยายตัวสูง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ (+26.1%) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ (+16.6%)  กุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง (+7.0%)และ ไก่แปรรูป (+1.3%) เป็นต้น

การส่งออกรายตลาดสำคัญ ส่วนใหญ่ยังขยายตัวจากการส่งออกในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญ

สหรัฐฯ: ขยายตัว 12.8% เติบโตติดต่อกัน      เป็นเดือนที่ 23 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ และเครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์ และไดโอด และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น

จีน: ขยายตัว 5.9% เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ด้านสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น

ญี่ปุ่น: หดตัว 5.3% กลับมาติดลบในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น

EU27: หดตัว 1.6% กลับมาหดตัวในรอบ 15 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยางเป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่นเคมีภัณฑ์ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

ASEAN-5: ขยายตัว 1.7% เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ  อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น

มูลค่าการนำเข้าเดือน ส.ค. อยู่ที่  29,707.6 ล้านดอลลาร์ฯ เติบโต 15.8% เร่งตัวจาก 5.1% เมื่อเดือนก่อน การนำเข้าสินค้าทุกหมวดต่างขยายตัว ทั้งสินค้าทุน (+29.5%) สินค้าอุปโภคบริโภค (+16.9%) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป(+12.7%) สินค้ายานพาหนะฯ (+5.3%) และสินค้าเชื้อเพลิงหดตัว (+5.6%) ทั้งนี้ ดุลการค้าเดือน ส.ค. ขาดดุล -1,964.4 ล้านดอลลาร์ฯ

ทั้งนี้ Krungthai COMPASS มองว่าแรงส่งจากFront-loading ต่อการส่งออกไทยแผ่วลงชัดเจนขึ้น สะท้อนจากการส่งออกเดือน ส.ค. 68 ที่หดตัว 2.9% โดยติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเป็นไปในทิศทางเดียวกับการส่งออกของหลายประเทศที่แรงหนุนของปัจจัยชั่วคราวจากการเร่งซื้อไว้อ่อนแอลง หลังสิ้นสุดระยะผ่อนผันการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มชาติเอเชียที่ตัวเลขการส่งออกไปสหรัฐฯ เดือน ส.ค. หดตัว อาทิ ไทย (-9.8%) ที่หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน ส่วนเวียดนาม    (-2.0%) หดตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ในเชิงสินค้าไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เดือน ส.ค. หลายสินค้าสำคัญต่างหดตัว อาทิ คอมพิวเตอร์ (-3.6%) หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน ผลิตภัณฑ์ยาง (-12.8%) หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน และยานยนต์(-2.8%) ที่กลับมาหดตัวในเดือนนี้ บ่งชี้ถึงผลเชิงลบของนโยบายภาษีสหรัฐฯ ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้นสอดคล้องมุมมองล่าสุดจาก UNDP1 ที่คาดว่าการส่งออกทั่วโลกจะถูกผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สำหรับกลุ่มประเทศในเอเชียที่ต่างพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ จะเผชิญการส่งออกไปตลาดดังกล่าวที่ลดลง อาทิ เวียดนาม    (-19.2%)  ไทย(-12.7%) และญี่ปุ่น (-10.9%)

Krungthai COMPASS มองการส่งออกไทยจะโดนกดดันจากการ Reallocate แหล่งนำเข้าของสหรัฐฯ สู่ประเทศที่ภาษีต่ำกว่า ท่ามกลางความเสี่ยงหลายด้าน โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่าอาจเกิดปรับเปลี่ยนแหล่งนำเข้าของสหรัฐฯ สู่ชาติที่อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ต่ำกว่าอาเซียน เช่น สหราชอาณาจักร (10%)2 ดังเช่น การนำเข้าสหรัฐฯ จากสหราชอาณาจักร เดือน ก.ค. ที่ขยายตัว 7.2%MoM เติบโตต่อเนื่อง 2 เดือน ทั้งนี้ ยังมีความเสี่ยงทั้งจาก Sectoral Tariff เพิ่มเติม เกณฑ์ Transshipment Tariff ยังไม่ชัดเจน ท่ามกลางการแย่งตลาดทดแทนสหรัฐฯ ของผู้ส่งออก รวมถึงอุปสงค์ตลาดโลก  ที่แผ่วลงตามการชะลอของเศรษฐกิจโลก

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top