ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-10 ตุลาคม 2568 แยกเป็นสถาบันในประเทศขายสุทธิ 8,196.67 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขายสุทธิ 19,552.63  ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 98,170.62  ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ(รายย่อย)ซื้อสุทธิ 125,919.93 ล้านบาท

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปภาพรวมตลาดหุ้นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุน ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกันยายน ของไทยออกมาติดลบต่อเนื่อง ทำให้มีความกังวลต่อความเสี่ยงของภาวะเงินฝืดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี SET Index ดีดตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,300 จุด ในเวลาต่อมา ขานรับปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ

SET Index ปรับตัวในกรอบแคบช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งตามแรงซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า (ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง หรือ Direct PPA) อย่างไรก็ดีหลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือนครึ่งที่ระดับ 1,317.88 จุด SET Index พลิกกลับมาร่วงลงแรงในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่แห่งหนึ่งเข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 รวมถึงหุ้นสายการบินรายใหญ่แห่งหนึ่งจากความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของบอร์ดผู้บริหาร

ในวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม  2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,286.98 จุด ลดลง 0.51% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 37,254.38 ล้านบาท ลดลง 3.91% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.54% มาปิดที่ระดับ 242.41 จุด

สำหรับสัปดาห์นี้ (13-17 ตุลาคม 2568) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,270 และ 1,245 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ