นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยีสิทธิบัตรด้านอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Bioactive Compounds) จากฐานข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลกในรอบ 20 ปี พบว่า เป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและความยั่งยืน และเมื่อเจาะลึกลงไป มี 4 เทคโนโลยีกลุ่มย่อยที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะผลิต และสร้างรายได้จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น

โดย 4 เทคโนโลยีดังกล่าว ได้แก่ 1.โปรตีนจากพืช และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ หรือโปรตีนทางเลือก มีผู้ถือสิทธิบัตรประมาณ 2,100-2,900 ฉบับต่อปี 2.โภชนาการเฉพาะบุคคล อยู่ในระยะเติบโตต่อเนื่อง มีผู้ถือสิทธิบัตร 800-900 ฉบับต่อปี 3.เทคโนโลยีการหมัก โดยใช้จุลินทรีย์เปลี่ยนวัตถุดิบอาหารให้มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มขึ้นหรือช่วยปรับรสชาติ มีผู้ถือสิทธิบัตร 200-300 ฉบับต่อปี ซึ่งจีนมีมาก และ4.การพิมพ์อาหาร 3 มิติ เป็นการสร้างอาหารโดยการขึ้นรูปทีละชั้นและสามารถเติมสารอาหารลงไปได้ มีผู้ถือสิทธิบัตร 200-300 ฉบับต่อปี

ทั้งนี้ไทยมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นหัวแถวในอุตสาหกรรมนี้ได้ เพราะไทยเป็นประเทศที่มีวัตถุดิบจำนวนมาก สามารถต่อยอดเป็นอาหารแห่งอนาคต และทำสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพได้ โดยผู้ประกอบการจะต้องเพิ่มการวิจัยค้นหาสารออกฤทธิ์ใหม่ๆจากพืช การสร้างนวัตกรรมการหมัก หรือการใช้นวัตกรรมในการทำอาหาร แปลงพืชเกษตร เป็นสินค้าคุณภาพสูง และเมื่อทำออกมาแล้วต้องให้ความสำคัญกับการจดสิทธิบัตร เพื่อคุ้มครองและใช้ประโยชน์

สำหรับคำขอสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตในไทย ช่วง 9 เดือนปี 2568  มีการยื่นคำขอสิทธิบัตร 190 คำขอ อนุสิทธิบัตร 470 คำขอ อนุมัติจดสิทธิบัตรแล้ว 93 ฉบับ อนุสิทธิบัตร 163 ฉบับ ซึ่งกลุ่มอาหารแห่งอนาคตเป็นกลุ่มที่กรมฯจัดให้มีช่องทางเร่งรัดการจดทะเบียน(Fast Track) จากปกติสิทธิบัตร 38.5 เดือน เหลือ 12 เดือน อนุสิทธิบัตรจาก 12 เดือน เหลือ 6 เดือน ล่าสุดมีผู้ยื่นคำขอผ่าน Fast Track 18 คำขอ อนุมัติจดอนุสิทธิบัตรแล้ว 16 ฉบับ