ส.อ.ท.เรียกร้องอีวีจีนใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย

ส.อ.ท.เรียกร้องอีวีจีนใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย

วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังเยี่ยมชมโรงประกอบ โรงแบตเตอรี่ และโรงเชื่อมของ บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (BYD) ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 จ.ระยอง ว่า การเยี่ยมชมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว และสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ (New S-Curve) อย่างยั่งยืนสะท้อนถึงบทบาทของภาคอุตสาหกรรมไทยในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมดั้งเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve Industries) ตามนโยบายของภาครัฐ เพื่อวางรากฐานสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Economy) และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

นายนาวา กล่าวว่า ส.อ.ท.อยากขอให้ BYD และผู้ผลิตรถอีวีแบรนด์จีนอื่นๆไม่มองเพียงแค่เชิงตัวเลขของต้นทุนราคาชิ้นส่วนฯกับซัพพลายเออร์ไทยเพราะจีนมีความได้เปรียบด้าน Economy of Scale ย่อมได้เปรียบด้านราคามากกว่าผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ไทย แต่อยากให้บริษัทรถยนต์แบรนด์จีนเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) มากขึ้น ให้มองกำไรเชิงพันธมิตรทางธุรกิจและช่วยสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนไทยทำให้เกิดการจ้างงาน และภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคมไทย


“ปัจจุบันแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนลดลงเหลือประมาณ 400,000 คน จากเดิมกว่า 600,000 คน เนื่องจากการใช้ชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นหากโรงงานต่างชาติในไทยเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนและการจ้างงานในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม”นายนาวา กล่าว

สำหรับการมาเยี่ยมชมโรงงาน BYD ในครั้งนี้ เป็นมากกว่าการเรียนรู้จากผู้นำระดับโลกด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ยังสะท้อนถึงนโยบายของ ส.อ.ท.ในการมองไปข้างหน้าร่วมกัน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมดั้งเดิมสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่มุ่งเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด การพัฒนาทักษะแรงงาน และการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืนของประเทศ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ New S-Curve อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกและเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ของภูมิภาคอาเซียน

ครั้งนี้คณะฯได้เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตภายในโรงงาน ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.โรงประกอบ (Assembly Plant) เป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหลักของ BYD ในประเทศไทย 2.โรงแบตเตอรี่ (Battery Plant) ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และมีอายุการใช้งานยาวนาน 3.โรงเชื่อม (Welding Shop) ใช้หุ่นยนต์เชื่อมอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูง และมีระบบตรวจสอบคุณภาพแบบเรียลไทม์

นายเซียว ไห่ ผิง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สำนักท่านประธานกลุ่ม บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของ BYD ในประเทศไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยภายหลังเปิดดำเนินการผลิตเดือนกรกฎาคม 2567 มีกำลังการผลิตสะสมแล้วกว่า 55,000 คัน และคาดว่าทั้งปีจะผลิตได้กว่า 40,000 คัน หรือเกือบเต็มศักยภาพการผลิต กำลังผลิตเฉลี่ยเดือนละ 5,000–6,000 คัน ปัจจุบันโรงงานมีพนักงานกว่า 5,800 คน โดยเป็นแรงงานไทยถึง 92% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีเพียง 80% และคาดว่าปลายปีนี้จะขยับเป็น 95% ของทั้งหมด

ปัจจุบัน BYD มีสัดส่วนโลคอลคอนเทนต์ (Local Content) อยู่ที่ 54% เพิ่มขึ้นจาก 45% เมื่อปีก่อน โดยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนท้องถิ่นกว่า 35 ราย และความร่วมมือในประเทศกว่า 529 ชิ้นส่วน (Part) ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อการสร้างฐานการผลิตที่มั่นคงในไทย

สำหรับตลาดยานยนต์ในไทยปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 600,000 คัน โดยในจำนวนนี้ 100,000 คัน เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนว่า “ไทย” ยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะ ประเทศผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 10 ของโลก โดยปัจจุบันกำลังการผลิตของโรงงานอยู่ที่ 150,000 คันต่อปี ซึ่งในอนาคตตั้งเป้าให้สัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมด

ทั้งนี้ประเทศไทยยังคงมีความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานและกำลังซื้อในประเทศ แต่ก็ถือเป็น “โอกาสทอง” ที่จะต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลางยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV Hub) ของภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการ EV3.0 และ EV3.5 ที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

“ที่ผ่านมารัฐบาลไทยสนับสนุนมาตรการ EV-3.0-3.5 ได้ดีมาก โดยหากรัฐบาลสามารถต่อยอดมาตรการไปสู่ EV4.0 หรือ 4.5 จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ลงทุนและผู้บริโภคได้มากขึ้น รวมถึงผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตที่แข็งแกร่งระดับโลก”นายเซียว ไห่ ผิง กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top