“อวิรุทธิ์-สุชีพ” ลุ้นชิงดำนั่งรักษาการผู้ว่าม้าเหล็ก หลัง “วีริศ” ไขก๊อกเซ่นเขากระโดง วงในแฉเบื้องหลังดองงาน-งบค้างท่อท่วมนับหมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ถึงกรณีที่ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่า รฟท.ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 68 เป็นต้นไปนั้น แม้เจ้าตัวจะอ้างเหตุต้องการไปดูแลบิดามารดาของตนเองและของคู่สมรส รวมทั้งยังมีกระแสข่าวว่าถูกการเมืองกดดันกรณี รฟท.รุกคืบไปฟ้องเพิกถอนยึดคืนที่ดิน รฟท.เขากระโดงด้วย
แหล่งข่าวใน รฟท. เปิดเผยว่า เบื้องหลังการตัดสินใจยื่นใบลาออกของนายวีริศ มาจากปัญหาการบริหารงานภายในที่ถูกหมักหมมมานาน โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่เข้ารับตำแหน่ง ไม่สามารถขับเคลื่อนงานต่างๆของ รฟท.ออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่ เพราะมีความหวาดระแวงจะถูกยัดไส้โครงการ หากเซ็นอนุมัติโครงการอะไรลงไป อาจสุ่มเสี่ยงให้ต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางในภายหลัง จึงมีการตั้งคณะที่ปรึกษาด้านกฏหมาย และอนุกรรมการกลั่นกรองงานด้านต่างๆขึ้นมาหลายชุด เพื่อตรวจสอบและกลั่นกรองงานที่จะให้ผู้ว่า รฟท.ลงนาม โดยเอกสารทุกเรื่องที่จะต้องเซ็นต้องผ่านที่ปรึกษาก่อน ซึ่งที่ปรึกษาที่แต่งตั้งเข้ามาก็หาใช่ใครอื่น ล้วนมาจากทีมงานของฝ่ายการเมืองของรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่ส่งเข้ามาสแกนงานและงบประมาณภายใน รฟท.โดยตรงนั่นเอง ซึ่งทีมงานที่ปรึกษาบางชุดถึงกับมีการเรียกผู้ประกอบการเข้าไปเจรจา มิเช่นนั้นงานก็จะไม่ถูกปล่อยออกมา
ผลที่ตามมาจึงทำให้หลายต่อหลายโครงการของ รฟท.หยุดชะงัก บางโครงการแม้มีการตรวจรับงานไปแล้วแต่ผู้รับจ้างหรือรับเหมายังเบิกเงินไม่ได้ เพราะผู้ว่า รฟท.ยังไม่ยอมลงนามอนุมัติจ่ายเงิน หลายโครงการต้องจัดส่งเอกสาร วนลูปไปมา จนเป็นที่รับรู้ภายใน รฟท.ว่า โครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆใน รฟท.ชะงักงัน ล่าช้าติดขัดกองพะเนิน มีโครงการจัดซื้อจัดจ้างค้างท่อเป็นดินพอกหางหมูมูลค่าหลายพันล้านหรืออาจถึงหมื่นล้านบาท
ท้ายที่สุดเมื่อทนแรงกดดันไม่ไหว ผู้ว่า รฟท.จึงตัดสินใจมอบอำนาจการเซ็นจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการตรวจรับงานภายใต้วงเงินของผู้ว่า รฟท. ให้รองผู้ว่า รฟท. คือ นายสุชีพ สุขสว่าง ที่ได้รับความไว้วางใจจากนายวีริศมากที่สุดให้เป็นผู้ลงนามแทน แต่กระนั้นก็ต้องส่งเรื่องและโครงการเหล่านั้นให้ที่ปรึกษาของผู้ว่า รฟท.และคณะทำงานกลั่นกรองที่ตนเองแต่งตั้งขึ้นมาตรวจสอบและคอยกำกับการสั่งการอีกชั้นหนึ่ง
หลังมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยที่เคยกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม เมื่อ 2 ปีก่อนได้กลับเข้ามากำกับดูแลกระทรวงคมนาคม และ รฟท.อีกครั้ง สไตล์การทำงานของรัฐบาลภูมิใจไทยที่ทำงานแบบถึงลูกถึงคนนั้น เมื่อมาเจอกับสไตล์การทำงานของนายวีริศที่ตรงกันข้าม เจ้าตัวรู้ตัวดีว่าไปไม่รอดแน่ อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ชิงไขก๊อกยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง
แหล่งข่าวยังเผยด้วยว่า ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟท.) จะมีการประชุมเพื่อแต่งตั้งรักษาการผู้ว่า รฟท. แทนนายวีริศ โดยหากพิจารณาตามลำดับอาวุโสนั้น มีระดับรองผู้ว่าที่อยู่ในข่าย 3 คน คือ นายเอก สิทธิเวคิน ,นายอวิรุทธิ์ ทองเนตร และนายสุชีพ สุขสว่าง แต่วงใน รฟท.ต่างโฟกัสไปที่ 2 ตัวเต็งคือ นายอวิรุทธิ์ ทองเนตร รองผู้ว่า รฟท. ที่มีคอนเนคชั่นเป็นอย่างดีกับนายทุนสายขุนเขาของรัฐบาลชุดที่แล้ว ส่วนนายสุชีพ สุขสว่าง รองผู้ว่า รฟท. คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากนายวีริศและทีมงานที่ปรึกษา
อย่างไรก็ตามยังมีรองผู้ว่า รฟท.อีก 3 คนเป็นตัวเลือก ประกอบด้วย นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่า รฟท. มากฝีมือคนหนึ่ง ที่กำกับดูแลงาน รฟท.หลายสายงาน รวมถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูง และบริหารทรัพย์สินและฝ่ายการช่างกล จะมีความเข้าใจงานอย่างถ่องแท้ นอกจากนี้ยังมีนายฐากูร อินทรชม รองผู้ว่า รฟท. ที่มีปัญหาสุขภาพ และนายอนันต์ เจนงานกุล รองผู้ว่า รฟท. ป้ายแดง
นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์กันว่าบอร์ด รฟท. จะมีการแต่งตั้งอนุกรรมการสรรหาผู้ว่า รฟท. คนใหม่ในครั้งนี้ด้วย โดยมีกระแสข่าวว่า นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ ทอท. จะมาเป็นผู้ว่า รฟท. คนใหม่ แต่มีกระแสแรงต้านอย่างหนักหน่วงถึงผลประโยชน์ทับซ้อนที่ยังอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ส่วนคนใน รฟท.เชียร์อยากให้ นายนิรุฒ มนีพันธุ์ กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เพราะทำงานได้ฉับไว กล้าตัดสินใจ และถือเป็นนักบริหารมืออาชีพ ทำให้ รฟท.ก้าวหน้าไปอย่างมาก ไม่ได้ปล่อยให้ที่ปรึกษามามีบทบาทครอบงำ รฟท.เหมือนยุคนี้
“กระแสข่าวพูดกันอย่างหนาหูในการรถไฟว่า คนใกล้ชิดของนายวีริศพยายามดิ้นอยู่ต่อ แม้นว่านายวีริศจะลาออกไปแล้วก็ตาม แต่ทีมงานรอบตัวพวกนี้พยายามหาที่เกาะใหม่ ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อยู่ได้ เพราะเป็นคำสั่งแต่งตั้งเฉพาะตัวจากผู้ว่าการรถไฟ ดังนั้นคงต้องฝากไปยังนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เข้ามาตรวจสอบ สอดส่องดูด้วยว่า กลุ่มคนที่ว่าอยู่ในการรถไฟอีกหรือไม่ ยิ่งช่วงนี้มีข่าวออกมาว่ามีการล้วงลูกอย่างหนักหน่วงเป็นพิเศษ เพราะเร่งทิ้งทวนหลายโครงการก่อนจะที่ผู้ว่าจะลงจากอำนาจในเร็ววัน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี