ดอกบี้ยขาลงดันราคาทองพุ่ง YLG ลุ้นปีนี้ทะลุ 75,700บาท

ดอกบี้ยขาลงดันราคาทองพุ่ง YLG ลุ้นปีนี้ทะลุ 75,700บาท

วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 15.41 น.

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า YLG ยังมองว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นอย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากปัจจัยบวกสำคัญหลายด้านยังแข็งแกร่ง ทั้งการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก ความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้า แต่ปัจจัยที่สำคัญในช่วง 1- 2 ปี นับจากนี้น้ำหนักจะอยู่ที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ฯ(เฟด) ซึ่งหากดูจากสถิติในช่วงการปรับลดอัตราดอกบี้ยนโยบายของเฟดแต่ละครั้งพบว่ามีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไปในทิศทางเดียวกัน หากพิจารณาย้อนหลังนับตั้งแต่ปี 2542 ถึงปัจจุบัน พบว่าเกิดวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด 4 รอบ ดังนี้

1. ในปี 2543 เกิดฟองสบู่ดอทคอม (Dot-comBubbleBurst) ที่เศรษฐกิจสหรัฐ ฯ โตแรงจากหุ้น เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต ก่อนที่ฟองสบู่จะแตก ทำให้ราคาหุ้นเทคโนโลยีร่วงลงอย่างรุนแรง กดดันการลงทุนภาคธุรกิจ (business investment) โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี และตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแอ


2. ในปี 2550 เกิดภาวะฟองสบู่แตกในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐจากการปล่อยกู้สินเชื่อบ้านเสี่ยงสูง (Subprime Mortgage Crisis) ทำให้เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. 2550

3. ปี 2562 หลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลให้เฟดตัดสินใจปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยล่วงหน้า โดยเฟดระบุว่าเป็น Insurance Cut ก่อนที่เฟดจะปรับ “ลด” อัตราดอกเบี้ย อย่างรวดเร็วในช่วงต้นปี 2563 จากวิกฤติ COVID-19

4. ปี 2567 หลังจากเงินเฟ้อพุ่งขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เฟดจึงได้ปรับ นโยบายการเงินเข้าสู่สภาวะปกติ (Fed Policy Normalization) เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ

ทั้งนี้พิจารณาถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในรอบวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด 3 ครั้งก่อน หน้าพบสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้

1. ราคาทองคำตอบสนองในเชิงบวกตลอดช่วง 24 เดือนหลังเฟดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 31% ในรอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยปี 2543 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 39% ในรอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยปี 2550 และปรับตัวเพิ่มขึ้น 26% ในรอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยปี 2562

2. อัตราเฉลี่ยของทองคำที่ปรับตัวขึ้นราวอยู่ที่ 32% ในระยะเวลา 2 ปีหลังเฟดเริ่มวงจนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

3. สำหรับวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยรอบปัจจุบันที่เริ่มต้นในปี 2567 ยังไม่แน่ชัดว่าอัตราดอกเบี้ยปลายทาง (Terminal Rate) จะอยู่ที่เท่าไหร่ แต่อัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบันที่ผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปีอยู่ที่ระดับ 4.25% ขณะที่ทองคำปรับตัวขึ้นมาแล้ว 64%

สำหรับการคาดการณ์ปัจจุบัน CME Fed Watch ระบุว่า นักลงทุนมองว่ามีโอกาส 96.8% ที่เฟดจะมี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม และมีโอกาส 81.1% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% อีกครั้งในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ นักลงทุนยังเพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% อีกด้วย นอกจากนี้ตลาดยังคาดการณ์ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2026

ส่วนแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ YLG ประเมินว่าหากได้รับปัจจัยบวกอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องมีโอกาสมีอาจจะไปได้ถึง 4,435-4,900 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ และมองว่าทองคำในประเทศมีโอกาสเห็น 68,500-75,700บาทต่อบาททองคำ (คำนวณจากค่าเงินบาท 32.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) ส่วนนักลงทุนที่สนใจลงทุนกับ YLG สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆผ่านแอปพลิเคชัน YLG Get Gold ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน ผู้

-031

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top