นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ได้ร่วมประชุม คณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญ เอาจริงเอาจังต่อการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ ที่มีรูปแบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงประชาชนทางออนไลน์ในลักษณะต่าง ๆ การเผยแพร่ข่าวปลอมหรือข้อมูลเท็จผ่านสื่อออนไลน์ การพนันออนไลน์ รวมถึงการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฟอกเงินผ่านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนในวงกว้าง และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงดีอี เร่งรัดดำเนินการมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วน ตามแนวทางหลัก 3 ด้านสำคัญ ดังนี้
1.มาตรการเชิงรุก ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต - โทรศัพท์มือถือ พร้อมลงโทษเด็ดขาดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
กระทรวงดีอี บูรณาการความร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (โอเปอเรเตอร์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และสัญญาณโทรศัพท์มือถือในพื้นที่ตามชายแดนอย่างเด็ดขาด พร้อมยกระดับการตรวจจับการลักลอบเชื่อมต่อสัญญาณ เพื่อไม่ให้มีสัญญาณการสื่อสารเล็ดรอดออกนอกประเทศ
นอกจากนี้ หากรัฐบาลพบเบาะแส ข้อมูลการร่วมกระทำความผิด หรือเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และการพนันออนไลน์ ของบุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และบุคลากรของรัฐ จะดำเนินการเอาผิดอย่างเด็ดขาดและถึงที่สุดตามกฎหมายในทันที
2.การบูรณาการข้อมูลร่วมระหว่างหน่วยงาน
กระทรวงดีอี เร่งรัดบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) หรือศูนย์ AOC 1441 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นแนวทางสากลมากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล พยากรณ์แนวโน้มการเกิดอาชญากรรมออนไลน์ และการติดตามเส้นทางการเงินของผู้กระทำผิด รวมถึงการเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย โดยจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแบบเรียลไทม์ และแสดงผลผ่าน Dashboard เพื่อใช้เตือนภัยประชาชนและสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3.การปรับปรุงกฎหมาย
ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะด้าน เช่น Cyber Fraud Agency เพื่อทำหน้าที่กำกับและบูรณาการการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีระหว่างภาครัฐและเอกชน เพิ่มบทลงโทษการกระทำผิดทางกฎหมายให้รุนแรง และรัดกุมยิ่งขึ้น
“นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ รวมทั้งได้แสดงความห่วงใยต่อผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชน โดยมีข้อสั่งการ ให้กระทรวงดีอี กระทรวงมหาดไทย ตร. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และการพนันออนไลน์ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวงดีอี ได้กำหนดมาตรการเชิงรุก เข้ามาเสริมมาตรการตั้งรับ เน้นความสำคัญของ “การป้องกันเชิงรุก–การตอบสนองรวดเร็ว–การคุ้มครองผู้เสียหาย” อย่างครบวงจร เพื่อป้องกันประชาชนจากความเสียหายและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยในระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ” นายไชยชนก กล่าว
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี