วันเสาร์ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา จับมือ สถาบันอาหาร (National Food Institute: NFI) ร่วมกำหนดแนวทางความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเสริมแกร่งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารของไทย มุ่งส่งเสริม การสร้างมูลค่าเพิ่มจากนวัตกรรมอาหาร และการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาอย่างยั่งยืน ตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจี สุธรรมพันธุ์) พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรมผ่านการจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงาน ได้พบหารือนางสาวไปยดา หาญชัยสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เพื่อประสานความร่วมมือและแลกเปลี่ยนแนวทางยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย ด้วยพลังแห่งทรัพย์สินทางปัญญา
โดยทั้ง2 หน่วยงานต่างมีบทบาทสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้เข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก การหารือครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมอาหารของประเทศอย่างยั่งยืน ผ่านการบูรณาการความร่วมมือ ใน 3 มิติ ได้แก่ 1) การสร้างมูลค่าเพิ่มจากนวัตกรรมอาหารที่ได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (Value Creation) 2) การป้องกันการลอกเลียนแบบสูตรและบรรจุภัณฑ์ (Value Protection) และ 3) การใช้ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นเครื่องมือขยายตลาดและเข้าถึงแหล่งทุน (Value Expansion) นางอรมน กล่าวว่า กรมและสถาบันอาหาร เตรียมจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการอาหารไทยอย่างรอบด้าน อาทิ การพัฒนาองค์ความรู้ทรัพย์สินทางปัญญา ผ่านการฝึกอบรมบุคลากรของสถาบันอาหารและผู้ประกอบการในเครือข่ายให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างถูกต้อง -032
พร้อมจัดคลินิกให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำผลงานนวัตกรรมอาหาร เช่น สูตรอาหารฟังก์ชัน (Functional Food) บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เทคโนโลยีการเก็บรักษาคุณภาพ เป็นต้น มาจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาผ่านบริการ Fast Track ของกรม ซึ่งเป็นช่องทางพิเศษที่สามารถจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาได้รวดเร็วขึ้น การส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อเชื่อมโยงการพัฒนาและต่อยอดสินค้า GI ในกลุ่มอาหาร การจัดทำฐานข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาอาหารไทยเพื่อใช้ในการวางแผนการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ที่เชื่อมโยงนักวิจัย ผู้ประดิษฐ์ และผู้ประกอบการเข้าด้วยกัน เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การใช้ IP Licensing ในอุตสาหกรรมอาหาร การจัดทำ Food IP Marketplace เป็นต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ทรัพย์สินทางปัญญาช่วยเพิ่มมูลค่า ขยายตลาด และเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างยั่งยืน การบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เติบโตบนฐานของนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง โดยจะช่วยยกระดับผู้ประกอบการให้มีศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้า อาหารไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน อุตสาหกรรมอาหารของไทยถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2567 มูลค่า GDP อุตสาหกรรมอาหารสูงกว่า 1.11 ล้านล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ร่วมขับเคลื่อนกว่า 1.2 แสนราย และมีการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวกว่า 1.24 ล้านคน
ทั้งนี้ ไทยจำเป็น ต้องพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารให้สอดคล้องกับเทรนด์แห่งอนาคต ทั้งในด้านสุขภาพและความยั่งยืน โดยอาศัยทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก โดยสถิติคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตในไทย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – กันยายน) สำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีการยื่นคำขอ 190 คำขอ และจดทะเบียน 93 ฉบับ สำหรับอนุสิทธิบัตร มีการยื่นคำขอ 470 คำขอ และจดทะเบียน 163 ฉบับ ในส่วนของสถิติคำขอ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากลุ่มบริการจัดหาอาหารและเครื่องดื่ม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีการยื่นคำขอ 2,522 คำขอ และจดทะเบียน 1,943 เครื่องหมาย
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี