วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2568 ได้ประชุมมอบนโยบายแก่ผู้อำนวยการสำนักงานในประเทศจีนของกระทรวงพาณิชย์ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) 8 แห่ง ได้แก่ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ชิงต่าว เซี่ยเหมิน เฉิงตู คุนหมิง และหนานหนิง ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้สำนักงานในจีนทุกแห่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามจีนยังคงเป็นตลาดอันดับหนึ่งของไทย โดยมีมูลค่าการค้าไทย–จีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) สูงถึง 108,639.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.08% โดยเป็นมูลค่าการส่งออกของไทย 30,667.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.13% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าไทยในตลาดจีนที่ยังเติบโตได้อีกมาก
“วันนี้โลกการค้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญกับนวัตกรรม คุณภาพ และความยั่งยืน ไม่ใช่ราคาถูกอีกต่อไป ทูตพาณิชย์ของเราจึงต้องเข้าใจและวิเคราะห์ให้ได้ว่า แต่ละมณฑลของจีนมีโอกาสและความท้าทายอย่างไร เพื่อกำหนดกลยุทธ์เจาะตลาดที่ตรงจุด” นางศุภจี กล่าว
ทั้งนี้ผู้อำนวยการสำนักงานในประเทศจีนของกระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอโอกาสและความท้าทายในจีนของแต่ละภูมิภาค และนำเสนอโอกาสและสินค้าเป้าหมายของไทยในจีน 5 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร – ข้าว ผลไม้ไทย เช่น ทุเรียน มะม่วง มังคุด รวมถึงอาหารแปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน และเครื่องปรุงรส
2.กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง – อาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง เพื่อตอบรับกระแสรักสัตว์ในสังคมเมืองของจีน
3.กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม – รังนก โปรตีนจากพืช น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์สปา และบริการสุขภาพ
4.กลุ่มสินค้ารักษ์โลกและความยั่งยืน – บรรจุภัณฑ์ย่อยสลาย เครื่องสำอางออร์แกนิก เสื้อผ้ารีไซเคิล ของตกแต่งบ้านจากวัสดุธรรมชาติ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
5.กลุ่มสินค้านวัตกรรมและดิจิทัลคอนเทนต์ – สินค้าทรัพย์สินทางปัญญา ภาพยนตร์ เกม และแอนิเมชัน
ขณะเดียวกันยังได้ให้แนวนโยบายในการหา partner ในจีน และเน้นขายสินค้าให้สอดคล้องตามเงื่อนไข/ความต้องการของตลาด (requirement) เพื่อให้สินค้าไทยไปได้เร็ว ไปได้ใหญ่ กว่าเดิม
“การทำงานต่อจากนี้จะไม่หยุดแค่การเจรจาจับคู่ธุรกิจหรือหาผู้กระจายสินค้า แต่ต้องก้าวไปอีกขั้น คือการสร้างพันธมิตรลงทุนร่วมกัน (Joint Venture) ระหว่างเอกชนไทยและจีน เพื่อร่วมพัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคของจีน”นางศุภจี กล่าว
นอกจากนี้ยังได้หารือกับผู้อำนวยการสำนักงานในจีนของกระทรวงพาณิชย์ถึงแนวทางปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ภายใต้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 ที่นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศในพิธีเปิดงานแสดงสินค้า China International Import Expo 2025 (CIIE 2025) โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว นวัตกรรม เทคโนโลยี และการเพิ่มรายได้ของชนชั้นกลาง
“เราจะถอดรหัสแผนพัฒนา 5 ปีของจีนเพื่อดูว่า ไทยสามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุดไหน เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ อาหารสุขภาพ เกม และสินค้าดิจิทัล เพราะจีนกำลังต้องการขยายกลุ่มประชากรที่มีรายได้ปานกลางจาก 400 ล้านคน เป็น 800 ล้านคน นั่นหมายถึงตลาดขนาดมหาศาลที่ไทยต้องเข้าให้ถึง” นางศุภจี กล่าว
นอกจากการมอบนโยบายกับทูตพาณิชย์แล้ว นางศุภจียังได้ใช้โอกาสนี้ หารือกับภาคเอกชนไทยที่ดำเนินธุรกิจในจีน ได้แก่ นายไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน นายวิชัย ทวีสิน รองประธานหอการค้าไทยในจีนและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหยูเนียน (ประเทศจีน) นายสิทธิชัย จิวัฒน์ธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) นางศิริพร เริงจิตต์ ประธานธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) และนายไพบูลย์ ประภัสสรชัยกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีซี มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด (ในเครือ ปตท.) เพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการดำเนินธุรกิจในจีน โดยเอกชนได้เสนอให้ภาครัฐสนับสนุนด้าน e-commerce การสร้างภาพลักษณ์สินค้าไทย และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ–เอกชนไทยกับรัฐบาลท้องถิ่นของจีน เพื่อขยายโอกาสทางการค้าในมิติใหม่ ๆ
ทั้งนี้ กระรทรวงพาณิชย์จะบูรณาการทำงานร่วมกันภายในกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายนอกกระทรวง เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสูงจับคู่กับพันธมิตรจีนที่มีความพร้อมในการลงทุนและทำตลาดร่วมกัน เพื่อให้ “สินค้าไทยครองใจผู้บริโภคจีน” อย่างยั่งยืนในระยะยาว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี