วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้บีโอไอ ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน เมื่อวันที่ 6พฤศจิกายน 2568 มีมติเห็นชอบ 2 มาตรการสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนเพื่ออนาคต ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ได้แก่ มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และมาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่
“มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”จะเป็นการให้เงินทุนสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันโดยจะสนับสนุนเงินทุนในสัดส่วนร้อยละ 30-50ของเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อบริษัท ครอบคลุมการลงทุนใน3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การปรับปรุงประสิทธิภาพกิจการเดิมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่น การใช้ระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีดิจิทัล 2) การวิจัยและพัฒนา (R&D) 3) การปรับเปลี่ยนกิจการเดิมไปสู่อุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมสีเขียว
โดยผู้ยื่นขอใช้สิทธิตามมาตรการนี้ ต้องเป็นนิติบุคคลที่มีหุ้นไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตร อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ถ้าเป็นผู้ประกอบการทั่วไป มีเงื่อนไขลงทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท แต่กรณีเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ขึ้นทะเบียนในโครงการ SME ONE ID ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ต้องลงทุนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันออกบัตรส่งเสริม
นอกจากนี้เนื่องจากการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนเป็นการเบิกจ่ายหลังจากที่ผู้ประกอบการได้ลงทุนตามเงื่อนไขแล้วบีโอไอจึงร่วมกับสมาคมธนาคารไทยในการพัฒนาสินเชื่อในรูปแบบ Bridging Loan และกำหนดอัตราดอกเบี้ยพิเศษจาก สถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการระหว่างรอการเบิกจ่ายด้วย
สำหรับ “มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่” กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จะสนับสนุนเงินให้กับมหาวิทยาลัย/สถาบันฝึกอบรมที่จะเป็นหน่วยงานแม่ข่าย(Node) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรมและยกระดับทักษะของกำลังคนระดับ ปวส. ขึ้นไป ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายพัฒนาบุคลากร1 แสนคนแบ่งเป็นนักศึกษาที่เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน 30,000 คน และบุคลากรในตลาดแรงงานที่ต้องการยกระดับหรือปรับเปลี่ยนทักษะ (Upskill & Reskill) 70,000 คน รูปแบบการฝึกอบรมครอบคลุมทั้งแบบ Bootcamp, Onsite & Online Training รวมทั้งการฝึกปฏิบัติจริงในสถานประกอบการ โดยหลักสูตรจะต้องมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือองค์ความรู้ขั้นสูงที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของประเทศและต้องได้รับการรับรองโดยคณะกรรมการภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษาฯ(อว.)โดยเงินสนับสนุนจะครอบคลุมค่าฝึกอบรม ค่าเดินทาง ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างฝึกงานและค่าตอบแทนผู้ดูแลการฝึกงาน ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม2569 และดำเนินการฝึกอบรมให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับจากวันออกบัตรส่งเสริม
“มาตรการที่บอร์ดอนุมัติในครั้งนี้ จะเป็นการพลิกบทบาทกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เป็นเครื่องมือด้านการเงินที่ใช้ในการยกระดับอุตสาหกรรมไทยทั้งด้านการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวเพื่อยกระดับเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการสร้างบุคลากรทักษะสูงเพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ นับเป็นแคมเปญสร้างบุคลากรสำหรับภาคอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศซึ่งการยกระดับขีดความสามารถทั้งสองด้านนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดแข่งขันได้ และเติบโตอย่างยั่งยืน” นายนฤตม์ กล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี