"ดีอี" ผนึกพลังรัฐ-เอกชน เข้มยกระดับ 7 มาตรการ เดินหน้าใช้ยาแรง ปราบสแกมเมอร์

วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 15.46 น.

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ดีอีได้ เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน 14 หน่วยงาน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน เพื่อยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและป้องกันไม่ให้ระบบการเงินของประเทศถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและนานาชาติ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือสร้างเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาล ได้ประกาศให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็น “วาระแห่งชาติ” ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงดีอี ได้ร่วมบูรณาการพลังจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานของรัฐ และเอกชน เพื่อยกระดับมาตรการการป้องกัน ปราบปราม สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมทางการเงินออนไลน์ ให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้


1.การจัดตั้ง War room ทำงานร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยการบูรณาการข้อมูลร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเพิ่มเติมให้มีตัวแทนของผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ (โอเปอเรเตอร์) และตัวแทนจากธนาคารใหญ่ 7 ธนาคาร เตรียมความพร้อมการให้ข้อมูล ตลอด 24 ชม.ร่วมกับ ตร.อย่างใกล้ชิด เพื่อยับยั้งการกระทำของขบวนการสแกมเมอร์ก่อนที่จะสร้างความเสียหายให้ประชาชน

2. มาตรการยกระดับหลักเกณฑ์ของการลงทะเบียนซิม

โดยมีกลไกในหลายส่วน และที่ได้ดำเนินมาตรการแล้ว คือ การจำกัดจำนวนซิมการ์ด โดยร่วมกับ กสทช. ดำเนินมาตรการจำกัดปริมาณซิมการ์ด ไม่เกิน 5 หมายเลขต่อบุคคล (รวมทุกค่าย) แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้เกิน สามารถขออนุญาตได้ พร้อมแจ้งข้อมูลให้ ตร.ทราบเพื่อประโยชน์กับการติดตามการใช้งาน

 

ในส่วนการยกระดับหลักเกณฑ์การยืนยันตัวตนการลงทะเบียนซิม โดย กสทช.ได้ออกหลักเกณฑ์ใหม่ พร้อมมีผลบังคับใช้แล้ว โดยให้ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศจะต้องมีการลงทะเบียนในระบบ Dip chip หรือการลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มที่มีมาตรฐานความปลอดภัยเทียบเท่า หรือผ่านระบบ ThaiD เท่านั้น ซึ่งหากโอเปอเรเตอร์มีการพัฒนาระบบที่มีความปลอดภัยเทียบเท่าแล้วก็จะสามารถเปิดใช้งานได้เช่นกัน และจะมีการติดตามตรวจสอบการลงทะเบียนซิมอย่างใกล้ชิดโดย กสทช. และ ตร.

ด้านการปิดกั้นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต แนวชายแดน ตามข้อสั่งการนายกฯ นั้น ได้มีการติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจาก กสทช. และโอเปอเรเตอร์ เพื่อไม่ให้มีการเล็ดลอดของสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

3. มาตรการคุมเข้ม SIM Box

ดำเนินการบูรณาการข้อมูลร่วมกับ กรมศุลกากร คุมเข้มการนำเข้าส่งออก Simbox ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตามประกาศของ กสทช. โดยประกาศหลักเกณฑ์ให้มีการลงทะเบียนชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน เพื่อประโยชน์ต่อการติดตามการใช้งาน SIM BOX ตั้งแต่ต้นทาง-ปลายทาง

4. มาตรการกวาดล้างบัญชีม้า

ในบัญชีที่มีการพิสูจน์ทราบแล้วว่าเป็นบัญชีม้า แถว 1,2 ผู้ที่มีรายชื่อเป็นเจ้าของบัญชีนั้น สามารถมีสิทธิ์เปิดบัญชีธนาคารได้เพียง 1 บัญชี (บัญชีครองชีพ) โดยบัญชีอื่นไม่สามารถเปิดได้เป็นระยะเวลา 3 ปี และหากมีกระทำผิดซ้ำ จะมีการพิจารณาออกมาตรการให้ไม่สามารถมีบัญชีเพิ่มเติมได้อีกตลอดชีวิต ซึ่งเป็น 1 ในกระบวนการที่มีการพิจารณาเพิ่มเติม

อีกส่วนหนึ่ง คือการหารือร่วมกับ ปปง. ในการพิจารณาเปิดเผยรายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าต่อสาธารณชน โดยอยู่ภายใต้อำนาจของกฎหมายที่สามารถทำได้ รวมทั้งยังทำให้ประชาชนสามารถรับทราบว่าบุคคลใดมีความเกี่ยวข้อง และเพิ่มการระมัดระวังตัวได้มากขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องสำคัญที่นายกฯ ได้มอบหมาย ให้ดำเนินการคือ เรื่องการคืนเงินให้กับประชาชนผู้เสียหาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ ปปง.

 

 

 

5.มาตรการการยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมซื้อ-ขาย บนแพลตฟอร์มออนไลน์

ทั้งนี้กระทรวงดีอี โดย ETDA อยู่ระหว่างการร่างกฎหมาย เพื่อกำหนดให้มีการยืนยันตัวตน หากมีการทำธุรกรรมซื้อ-ขาย บนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือหากมีการรายงานปัญหา (Report) เจ้าของบัญชีต้องยืนยันตัวตนเช่นเดียวกัน ซึ่งมาตรการนี้เป็นไปตามข้อมูลการถูกหลอกลวงทางออนไลน์ที่พบว่ากว่า 50% ของการหลอกลวงมาจากช่องทางของแพลตฟอร์มต่างๆ โดยมาตรการนี้ได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องบางส่วนไปแล้ว ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

6. การลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์

วันนี้ เรื่องภัยคุกคามจากสแกมเมอร์ ได้ถูกยกระดับให้เป็น “วาระแห่งโลก” ซึ่งเนื้อหาในสัญญาจะเป็นเครื่องมือให้เราบูรณาการข้อมูลอาชญากรรมระหว่างประเทศได้ และจะมีความร่วมมือในทุกระดับเรื่องของการระงับ และการดำเนินคดี ซึ่งรวมไปถึงเรื่องของการค้ามนุษย์ด้วย

7.การยกระดับ พ.ร.ก.

ในขณะนี้ได้มีการพิจารณาการยกระดับ พ.ร.ก. การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ในมิติของการยกระดับให้สามารถตอบโต้สแกมเมอร์ได้มากขึ้น โดยมีหลักการเรื่องการจัดตั้งหน่วยงาน White Hacker ซึ่งจะทำหน้าที่ตอบโต้ ทั้งในเชิงของการระงับ การหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ เพื่อดำเนินการปราบปราม หรือส่งต่อข้อมูลให้กับนานาประเทศในการดำเนินการจัดการต่อไป

“ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างเต็มที่ และเราตระหนักดีว่าการดำเนินการในขณะนี้อาจเป็นเพียงแค่บางส่วน และยังไม่เพียงพอ ซึ่งขอยืนยันว่าเราจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ให้มากขึ้น เพิ่มขึ้นต่อไป” นายไชยชนก กล่าว

- 030 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top