วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยข้อมูลรายงาน The IFPI Global Music Report 2024 ของสมาคมผู้บันทึกเสียงนานาชาติ หรือ International Federation of the Phonographic Industry (IFPI) ซึ่งระบุว่า อุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังมาแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2567 มีมูลค่าตลาดกว่า 3,400 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 18.1 จากปีก่อนหน้า และขยับขึ้นสู่อันดับที่ 26 ของโลก สะท้อนศักยภาพของอุตสาหกรรมเพลงไทยในฐานะ Soft Power ที่ช่วยสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและผลักดันศิลปินไทยก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ทั้งนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมเพลงไทยอย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยชูทรัพย์สินทางดนตรี (Music IP) เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างรายได้ในยุคดิจิทัล และเตรียมพร้อมรับมือความท้าทายจากเทคโนโลยี AI และแนวโน้มของอุตสาหกรรมดนตรีสมัยใหม่ รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยสามารถสร้างรายได้จากผลงานของตนได้อย่างยั่งยืน โดยในปี 2568 กรมมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมเพลงไทยและศิลปินไทย อาทิ การร่วมจัดงานเทศกาลดนตรี “Bangkok Music City 2025” ซึ่งเป็นเวทีให้ศิลปินไทยได้แสดงผลงานและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจดนตรีระดับโลก เพื่อส่งออกศิลปินไทยที่มีศักยภาพเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติ และการจัดกิจกรรมเสวนา “จังหวะดนตรี จังหวะ IP” เพื่อต่อยอด Soft Power ด้วย Music IP เนื่องในวันทรัพย์สินทางปัญญาโลก รวมทั้งดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลเพลง และฐานข้อมูลตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ เพื่อยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในยุคดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามโดยเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2568 กรมได้เปิดให้บริการระบบฐานข้อมูลเพลงอย่างเป็นทางการ โดยมีฝ่ายผู้ถือสิทธิที่เห็นประโยชน์จากการใช้งานระบบดังกล่าว นำข้อมูลเพลงเข้าสู่ระบบแล้วเกือบ 14 ล้านเพลง แบ่งเป็นเพลงไทยประมาณ 5.7 แสนเพลง และเพลงสากลประมาณ 13.3 ล้านเพลง ช่วยให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า หรือสถานบริการที่ต้องการใช้ประโยชน์จากงานเพลง สามารถเข้าถึงข้อมูลเจ้าของสิทธิและตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยมีผู้ใช้บริการค้นหาข้อมูลเพลงในระบบกว่า 4,200 ครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของระบบฐานข้อมูลที่ช่วยให้การตรวจสอบสิทธิและการใช้งานเพลงเชิงพาณิชย์ทำได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส และลดข้อขัดแย้งทางกฎหมาย
นางอรมน กล่าวว่า เพื่อส่งเสริมให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถใช้ประโยชน์จากระบบฐานข้อมูลเพลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขยายฐานข้อมูลให้มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น กรมจึงเตรียมจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การใช้งานระบบฐานข้อมูลเพลง และฐานข้อมูลตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์” ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ผ่านระบบออนไลน์ ฟรี! โดยเป็นการอบรมฯ ให้กับฝ่ายผู้ถือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน
ผู้สร้างสรรค์ บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ บริษัทจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ และตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจ เพื่อแนะนำขั้นตอนการใช้งานระบบฐานข้อมูลเพลง การนำเข้าข้อมูล รวมถึงกระบวนการขึ้นทะเบียนตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ผ่านระบบ Zoom ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยระบบฐานข้อมูลตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์จะมีส่วนสำคัญในการช่วยลดภาระการพิสูจน์ความถูกต้องของการมอบอำนาจ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการที่ใช้เพลงก็สามารถตรวจสอบข้อมูลของตัวแทนได้อย่างมั่นใจ นำไปสู่ระบบการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่มีมาตรฐาน เป็นธรรม ตรวจสอบได้ ช่วยลดข้อขัดแย้งระหว่างผู้ถือสิทธิและผู้ใช้งาน ซึ่งผู้สนใจสมัครเข้าร่วมอบรมการใช้งานระบบฐานข้อมูลเพลงและฐานข้อมูลตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ สามารถลงทะเบียนผ่านลิงก์ https://qr.ipthailand.go.th/QVayKlQr ภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 02-547-4704 หรืออีเมล์ copyright.office@ipthailand.go.th
สุดท้ายนี้ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เน้นย้ำว่า กรมจะยังคงมุ่งมั่นยกระดับงานบริการทรัพย์สินทางปัญญาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยเพิ่ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสิทธิ และเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยตามแนวทาง Big Quick Win ของกระทรวงพาณิชย์ต่อไป
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี