เพิ่มรายได้รัฐปฏิรูปการคลัง ลดความเสี่ยงจากการถูกหั่นเครดิต

เพิ่มรายได้รัฐปฏิรูปการคลัง ลดความเสี่ยงจากการถูกหั่นเครดิต

วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า การที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับมุมมองอันดับเครดิตของประเทศไทยจาก “มีเสถียรภาพ” (Stable Outlook) เป็น “เชิงลบ” (Negative Outlook) แม้ยังคงอันดับเครดิตที่ BBB+ สะท้อนความกังวลหลักต่อฐานะการคลังของไทยที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องหลังวิกฤตโควิด ซึ่งอาจจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในช่วง 1–2 ปีข้างหน้า ซึ่งบทเรียนจากต่างประเทศชี้ต้องมีการลดขาดดุลการคลังอย่างเป็นรูปธรรม

นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยกล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในกลุ่มอันดับเดียวกัน (BBB+ หรือ Baa1) จะเห็นว่าฐานะการคลังของไทยอ่อนแอกว่า โดยเฉพาะหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว และการขาดดุลการคลังที่ยังสูงต่อเนื่อง ในกรณีเศรษฐกิจไทยเติบโตเพียง 2% ต่อปีในระยะข้างหน้า การขาดดุลการคลังอาจยังอยู่สูงกว่า -4.0% ของ GDP และหนี้สาธารณะมีแนวโน้มแตะกรอบเพดาน 70% ภายในปี 2570 ทั้งนี้รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการคลังระยะปานกลาง น่าจะเห็นรายละเอียดแผนลดการขาดดุลการคลังที่ชัดเจนขึ้น


ดร.ลลิตา เธียรประสิทธิ์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า บทเรียนจากต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า ประเทศที่หลีกเลี่ยงการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือได้ มักดำเนินนโยบายลดขาดดุลอย่างเป็นรูปธรรม เช่น อิตาลี ที่ลดการขาดดุลจาก 8.0% เหลือต่ำกว่า 4.0% ของ GDP ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ผ่านแผนเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่ฝรั่งเศสซึ่งถูกปรับลดทั้งมุมมองและอันดับเครดิตจากการขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น รวมถึงอันดับความน่าเชื่อถือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลบางรายถูกปรับลดตาม อย่างไรก็ตามการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไม่ได้หมายความว่าอันดับเครดิตของภาคเอกชนจะถูกลดไปด้วย ขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินของแต่ละบริษัท

นางสาวปริชญา ฤทธิ์สุข นักวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า แนวทางลดขาดดุลการคลังของไทยอาจไปที่การเพิ่มรายได้ภาครัฐ เพราะรายจ่ายส่วนใหญ่เป็นรายการที่ปรับลดได้ยาก ในระยะสั้น มาตรการเพิ่มรายได้แบบเฉพาะจุด อาจช่วยประคองสถานการณ์ได้บ้าง แต่ในระยะปานกลางถึงยาว การปฏิรูปการคลังอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องพึ่งพาการพัฒนาฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพื่อออกแบบนโยบายสวัสดิการอย่างตรงเป้า ควบคู่กับการขยายฐานภาษีและการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top