วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
** สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง “เศรษฐกิจกิจสูงวัย (Silver Economy) และโอกาสใหม่ทางธุรกิจ”...โดยระบุว่า การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย แม้จะมีความท้าทายเชิงนโยบายแต่ยังเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ ปัจจุบันจึงเริ่มมีการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆที่เข้ามารองรับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยมีกลไกความร่วมมือในการพัฒนาแนวทางและนวัตกรรมในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy)
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) นับเป็นความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือทั้งเศรษฐกิจและสังคม โดยข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ระบุว่า ไทยมีประชากรผู้สูงอายุมากถึง 14.02 ล้านคน หรือคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) ภายในปี 2576 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวไม่เพียงเป็นความท้าทายเชิงนโยบาย แต่ยังเปิดโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า “เศรษฐกิจสูงวัย”(Silver Economy) ซึ่งผู้สูงอายุสามารถเป็นได้ทั้งผู้บริโภคที่มีความต้องการสินค้าและบริการ และผู้ผลิตที่นำเอาความรู้ประสบการณ์มาใช้ในการทำงาน
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) คาดว่า มูลค่าการใช้จ่ายของผู้สูงอายุจะเติบโตจาก 2.18 ล้านล้านบาท ในปี 2566 เป็น 3.50 ล้านล้านบาท ในปี 2576 โดยเป็นมูลค่าเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นโอกาสให้ภาคธุรกิจสามารถสร้างแบบจำลองธุรกิจใหม่ (New Business Model) ที่สร้างรายได้ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุ
โดยมีตัวอย่างธุรกิจแต่ละด้าน ดังนี้ 1.ด้านการจ้างแรงงานสูงอายุ ที่ผ่านมาการจ้างงานผู้สูงอายุมักเกิดขึ้นในกลุ่มงานพื้นฐานในโรงงานอุตสาหกรรม งานทำความสะอาดงานบริการโรงแรม และงานบริการจำหน่ายสินค้าส่ง-ค้าปลีก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่ไม่ได้ใช้ทักษะสูง ขาดความยืดหยุ่น ไม่ใช่งานที่ผู้สูงอายุจะสามารถนำประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาต่อยอด ปัจจุบันมีการพัฒนาธุรกิจที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้แก่ผู้สูงวัยที่ยังคงมีศักยภาพ ที่ผู้สูงอายุสามารถเลือกงานและเวลาที่ต้องการทำงานได้อย่างยืดหยุ่น ช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง อาทิ แกร็บวัยเก๋า ภายใต้บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) ที่ได้ให้เล็งเห็นและสนับสนุนโอกาสการสร้างรายได้ พร้อมทั้งส่งเสริมคุณค่าของตัวเองในผู้สูงอายุที่ยังมีสุขภาพแข็งแรงทำงานได้ ด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์คนขับรถยนต์เพื่อให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสาร หรือจัดส่งอาหารหรือพัสดุบนแพลตฟอร์ม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ในการจัดอบรมทักษะการใช้แอปพลิเคชัน โดยในปี 2565 มีผู้สูงอายุสมัครเข้าร่วม 3,700 คน และเพิ่มเป็นกว่า 1 หมื่นคน ในปี 2567 และมีเป้าหมายที่จะขยายการดำเนินการและเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ขับสูงวัยมากขึ้น
2.ด้านสุขภาพกายและบริการดูแล จากเดิมธุรกิจดูแลสุขภาพผู้สูงอายุมักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสถานพยาบาลหรือธุรกิจส่งเสริมสุขภาพขนาดใหญ่ แต่จากปัญหาด้านสุขภาพภาระพึ่งพิง และการอยู่ลำพัง สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีความใกล้ชิด โดยเฉพาะการมีผู้ดูแลชั่วคราว อาทิ Go MAMMA ในเครือข่าย Care Connect22 ที่เห็นถึงความลำบากในการเดินทางของผู้สูงอายุ ปัญหาลูกหลานไม่มีเวลาว่าง และผู้ให้บริการรถสาธารณะที่ยังขาดความเข้าใจในการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ จึงจัดให้มีบริการรถแท็กซี่สำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร ตั้งแต่รับจากบ้าน รอระหว่างทำธุระไปจนถึงส่งกลับแก่ผู้สูงอายุที่ต้องการเดินทางไปพบแพทย์ ทำธุระส่วนตัว หรือเยี่ยมญาติ แต่ไม่สะดวกขับรถเองหรือไม่มีผู้ดูแลร่วมเดินทาง โดยมีคนขับรถที่ผ่านการอบรมหลักสูตรช่วยชีวิต (CPR) และจิตวิทยาเบื้องต้นที่ดูแลผู้โดยสารสูงวัยได้อย่างถูกต้องโดยมีการรับส่งผู้สูงอายุแล้วกว่า 500 ราย และกว่า5,000 เที่ยวเดินทาง
3.ด้านการส่งเสริมสุขภาพจิต ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจจากการขาดกิจกรรม หรือต้องอาศัยอย่างโดดเดี่ยว และขาดการมีส่วนร่วมต่างๆ ถึงแม้ว่าไทยจะมีธุรกิจด้านนันทนาการและบริการท่องเที่ยวอยู่มากมาย แต่การจัดกิจกรรมและโปรแกรมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะนั้น ยังมีอยู่ค่อนข้างจำกัด จึงเกิดธุรกิจด้านนันทนาการที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุ อาทิ ทัวร์สูงวัย หัวใจฟรุ้งฟริ้ง โดยบริษัท ทัวร์ฟ้าใส จำกัด ที่ได้จัดโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ออกแบบสำหรับผู้สูงวัยทั้งในไทยและต่างประเทศ เน้นให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยจะมีทีมงานที่ผ่านหลักสูตรการปฐมพยาบาลประจำอย่างน้อย 2 คนต่อกลุ่ม คอยช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอดจนการรายงานสถานการณ์ระหว่างเดินทางแก่ครอบครัวผ่าน LINE อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจและลดความกังวล ในโปรแกรมยังจัดกิจกรรมสันทนาการที่หลากหลาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้สูงอายุได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนวัยเดียวกัน
ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนถึงโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุที่ไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ ซึ่งควรมีกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อนและยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจสูงวัยของไทย ได้แก่ การจัดทำยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจสูงวัยที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (growth engine) รวมทั้งกำหนดหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน อาทิ กรมกิจการผู้สูงอายุ ที่เป็นหน่วยงานสำคัญที่มีบทบาททั้งการส่งเสริม สนับสนุน และประสานความร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายทุกภาคส่วน ในการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ/คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ รวมถึงมีการบริหารจัดการกองทุนผู้สูงอายุ และยังมีศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย
ขณะเดียวกันต้องสร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพให้ผู้สูงอายุคงอยู่ในตลาดแรงงาน โดยส่งเสริมการฝึกอบรม reskill upskill newskill ในทักษะที่จำเป็นและเป็นที่ต้องการของตลาด ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ การสร้างอาชีพจากความเชี่ยวชาญและภูมิปัญญาของผู้สูงอายุ การสร้างกลไกสนับสนุนการทำงาน เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงตลาดงานและสามารถพัฒนาเป็นกำลังแรงงานได้ตลอดช่วงชีวิต
ตลอดจนการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และระบบสนับสนุนที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจเป็นผู้ประกอบการสูงวัย(Olderpreneur) รวมถึงพัฒนาฐานข้อมูลที่ครอบคลุม ทั้งข้อมูลสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงอายุที่มีอยู่ในระบบ เพื่อเผยแพร่และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน รวมถึงข้อมูลการวิจัยและพัฒนาที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงตามความต้องการของตลาด การดำเนินการต่างๆเหล่านี้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อต่อยอดให้เศรษฐกิจสูงวัยเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี