นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า(DBD) หรือกรมพัฒน์ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒน์ได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) กำหนดแนวทางความร่วมมือเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ไทย เพื่อผลักดันธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้มีความเข้มแข็งทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะมีการประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยใช้ความเข้มแข็งด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการในประเทศของกรมพัฒน์ และความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อขยายธุรกิจไปต่างประเทศของ DITP รวมทั้งเครือข่ายทูตพาณิชย์ของกระทรวงพาณิชย์ที่มีอยู่ทั่วโลก 62 แห่ง เสริมแกร่งธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้เป็นที่รู้จักบนเวทีนานาชาติ

โดยแนวทางความร่วมมือนั้น กรมพัฒน์จะส่งต่อผู้ประกอบการแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพและมาตรฐาน รวมทั้งผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งมีองค์ความรู้ด้านการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์เป็นอย่างดี ไปยังสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ของ DITP เพื่อพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ด้านการทำตลาด การบริหารจัดการธุรกิจ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ

ส่วน DITP จะให้สิทธิประโยชน์และโอกาสทางการตลาดต่อเนื่องแก่ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาจากกรมพัฒน์ อาทิ การเข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active และกิจกรรม Business Matching ในต่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายคู่ค้าและขยายตลาดแฟรนไชส์ไทยสู่ตลาดโลก โดยจะได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั่วโลก (ทูตพาณิชย์) อีกทางหนึ่งด้วย

โดยการประสานความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทยให้พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ไทยในเวทีการค้าโลก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Quick Big Win ด้านเสริมความแข็งแกร่งผู้ประกอบการ SME ของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ในการผลักดันผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) กล่าวว่า DITP และกรมพัฒน์จะร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้เข้มแข็ง ครอบคลุมทั้งการพัฒนามาตรฐานธุรกิจ การเตรียมความพร้อมสู่ตลาดต่างประเทศ และการสร้างโอกาสเชิงพาณิชย์ให้แก่ผู้ประกอบการไทยในระยะยาว เพื่อให้แบรนด์แฟรนไชส์ไทยสามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ปัจจุบันมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จและสามารถขยายธุรกิจไปต่างประเทศแล้ว 48 แบรนด์ โดยเป็นอาหารและเครื่องดื่ม 33 แบรนด์ การศึกษา 6 แบรนด์ ค้าปลีก 4 แบรนด์ บริการ 4 แบรนด์ ความงามและสปา 1 แบรนด์ ซึ่งขยายธุรกิจไปใน 31 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เมียนมา ลาว กัมพูชา ฮ่องกง จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ยูเออี ซาอุดิอาราเบีย บาร์เรน มัลดีฟส์ โอมาน คูเวต กาตาร์ จอร์แดน อิหร่าน เลบานอน แคนาดา สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และอังกฤษ และมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาจากกรมพัฒน์ 571 ราย แบ่งเป็น อาหาร 257 ราย มีสัดส่วน 45% เครื่องดื่ม 115 ราย สัดส่วน 20% บริการ 72 ราย สัดส่วน 13% การศึกษา 70 ราย สัดส่วน 12% ค้าปลีก 33 ราย สัดส่วน 6% ความงามและสปา 24 ราย สัดส่วน 4%

“ทั้งนี้แฟรนไชส์เป็นระบบการบริหารจัดการธุรกิจที่ดีและมีประสิทธิภาพ เป็นโมเดลธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อย การพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้มีศักยภาพ เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ นำไปสู่การขยายสาขาอย่างเป็นระบบ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยอยู่รอดและสามารถขยายตลาดได้ในทุกสถานการณ์”น.ส.สุนันทา กล่าว