บีโอไอผนึกกำลังกกร. หนุนผู้ประกอบการยกระดับการผลิต

บีโอไอผนึกกำลังกกร. หนุนผู้ประกอบการยกระดับการผลิต

วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นำโดย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้เข้าพบหารือกับบีโอไอ เพื่อร่วมกันผลักดัน “มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” ซึ่งเป็นมาตรการที่บีโอไอจะให้ เงินสนับสนุนผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศฯ แก่ผู้ประกอบการไทย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การวิจัยและพัฒนา (R&D) และการปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและขยายโอกาสการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกที่บีโอไอจับมือ กกร. เพื่อบูรณาการเครื่องมือทางการเงินร่วมกับการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน

ทั้งนี้มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” จะให้เงินสนับสนุนแก่นิติบุคคลที่มีหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 51  % ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตร อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยถ้าเป็นผู้ประกอบการทั่วไป มีเงื่อนไขลงทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท แต่กรณีเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ขึ้นทะเบียน ในโครงการ SME ONE ID ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ต้องลงทุนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท โดยหากเป็นการวิจัยและพัฒนา จะได้รับเงินสนับสนุน 50 % ของเงินลงทุนจริงในโครงการ และหากเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพกิจการเดิมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้ระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งการปรับเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมสีเขียว จะได้รับเงินสนับสนุน 30 % ของเงินลงทุนจริงในโครงการ แต่หากมีการใช้เครื่องจักรที่ผลิตในประเทศไม่น้อยกว่า 30 % สัดส่วนเงินสนับสนุนจะเพิ่มเป็น 50 % ของเงินลงทุนจริงในโครงการ โดยเงินสนับสนุนสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อบริษัท ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันออกบัตรส่งเสริม


นายนฤตย์ กล่าวอีกว่าการให้เงินสนับสนุนในครั้งนี้ บีโอไอได้ทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อบูรณาการเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ เป็นการเบิกจ่ายหลังจากที่ผู้ประกอบการได้ลงทุนตามเงื่อนไขแล้ว บางรายอาจมีปัญหาสภาพคล่อง สมาคมธนาคารไทยจึงเข้ามาช่วยพัฒนาสินเชื่อระยะสั้น (Bridging Loan) พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามโครงการ โดยบีโอไอจะร่วมกับ กกร. จัดเวิร์กช็อปเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจหลักเกณฑ์ของมาตรการอย่างถูกต้องและสามารถจัดทำข้อเสนอได้ตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด

นอกจากนี้ บีโอไอและ กกร. ยังได้หารือแนวทางความร่วมมือภายใต้โครงการ Reinvent Thailand โดยบูรณาการเครื่องมือส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ กับมาตรการของสถาบันการเงินและองค์กรเอกชน เพื่อสร้างพลังในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ สามารถออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อได้ตรงเป้าหมายและสอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น การเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ PromptBiz เพื่อช่วยยืนยันข้อมูลการลงทุนและสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้SMEs ได้คล่องตัวขึ้น การพัฒนามาตรฐานข้อมูลเพื่อให้หน่วยงานรัฐและเอกชนสามารถใช้รหัสอ้างอิงประเภทธุรกิจที่สอดคล้องกัน ตลอดจนการสนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่และซัพพลายเออร์ในประเทศ เพื่อให้เกิดการยกระดับห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เป็นต้น

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top