รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปี 2569 การตลาดที่เปลี่ยนแปลง

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปี 2569 การตลาดที่เปลี่ยนแปลง

วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 19.40 น.

ตามที่มีปริมาณการจองรถยนต์ EV ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป มากกว่า 50% ของยอดจองในงาน สะท้อน ให้เห็นความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเห็นได้ชัดว่าความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน อีกส่วนหนึ่งอาจมา จากราคารถยนต์ EV ที่สร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคสนใจ เพราะราคารถยนต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐที่ ประมาณ 1.5 แสนบาทต่อคันทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถทำราคาเข้ามาแข่งขันเบียดราคารถยนต์สันดาป ภายใน (ICE) ได้อย่างตรงเป้าหมาย อีกนัยหนึ่งนั้นรถยนต์ EV ที่มาจากค่ายรถยนต์ในประเทศจีนสามารถทำ ต้นทุนรถยนต์ที่ราคาขายถูกลงด้วยตัว Product เองทำราคาขายแข่งขันกัยในหมู่รถยนต์ EV ด้วยกัน ทำให้เกิด ความน่าสนใจในสงครามราคารถยนต์ EV อย่างจริงจัง

ถ้าพิจารณายอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปี 2568 มียอดจองรวม 75,246 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ จะเห็นว่าเป็นการจองกลุ่มรถยนต์ EV มากถึงประมาณ 50% และใน 10 อันดับการจองรถยนต์เป็นกลุ่มรถยนต์ ไฟฟ้าถึง 6 อันดับ ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า นับว่าเป็นความน่าสนใจของการเปลี่ยนแปลงในผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่มีนัย ต่อตลาดรถยนต์เป็นอย่างยิ่ง


นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ผู้จัดการประมูลรถยนต์รายใหญ่ในประเทศให้ความเห็นถึงสถานการณ์ตลาดรถยนต์ EVจากนี้ไปคาดว่าในปี 2569 จำนวนรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) บนท้องถนนในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 30-40% โดยรถยนต์ สัญชาติจีนจะยังเป็นผู้นำตลาด รองลงไปจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า PHEV เพราะจากการเติบโตของรถยนต์ EV ที่ เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคให้ความมั่นใจในรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ BEV และ PHEV มากขึ้น

รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในปี 2568 ภายในประเทศมีจำนวนประมาณ 116,000 คัน หรือประมาณ 6% ของรถจดทะเบียนและคาดว่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 150,800 คัน ในปี 2569 รถยนต์ไฟฟ้า PHEV ในปี 2568 ในประเทศมีจำนวนประมาณ 16,500 คัน หรือประมาณ 1% ของรถ จดทะเบียนและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 21,500 คัน ในปี 2569 การเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างรวดเร็วและมีนัยส่วนหนึ่งเกิดจากการ สนับสนุนของภาครัฐบาลและเกิดจากความต้องการของผู้บริโภค กอปรกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของผู้ผลิต

ในตลาดโลก อีกทั้งผู้บริโภคเองมีการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ BEV และแบบ PHEVเพราะเริ่มมั่นใจกับ ผลิตภัณฑ์ การประหยัดน้ำมัน การลดค่าใช้จ่ายค่าพลังงานและผู้บริโภคอีกส่วนหนึ่งเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบ ปลั๊กอินไฮบริดเพิ่มขึ้นด้วยความมั่นใจกับการมีเครื่องยนต์เบนซินสำรองไว้ใช้จ่ายไฟเพื่อการชาร์จแบตเตอรี่

หากดูยอดสถิติการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศปี 2566 มีอัตราเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 684% โดยจดทะเบียนที่ 76,314 คัน เพิ่มจากปี 2565 ที่ 9,729 คัน สำหรับปี 2567 ยอดจดทะเบียน 70,173 คัน ลดลง 8.1% และในปี 2568 ยอดสะสม 10 เดือนแตะที่ 116,608 คันเติบโตประมาณ 42% จากปีก่อน

การเปลี่ยนแปลงทางการตลาดในประเทศที่รวดเร็ว ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราเร่งตัวขึ้น การ เข้ามามีบทบาทของภาครัฐ ตลอดจนเทคโนโลยีที่ผสมผสานของรถยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาของผู้ผลิตรถยนต์ ไฟฟ้าได้ตอบโจทย์ทั้งการตลาดและตอบโจทย์ผู้ใช้งานเหล่านี้ จะเป็นสัญญาณที่จะทำให้ตลาดรถยนต์ เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการปล่อยก๊าซ CO2 การเกิดฝุ่น PM 2.5 จากรถยนต์ สันดาป ล้วนแล้วจะเป็นปัจจัยต่อการเปลี่ยนแปลงให้ตลาดรถยนต์เปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอนแล้วแต่ปัจจัย ใดจะเกิดก่อนหรือเกิดหลัง

นายอนุชาติ ยังให้ความเห็นว่าถึงแม้การเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ แต่ด้วยปริมาณรถยนต์สันดาปโดยเฉพาะรถยนต์มือสองภายในประเทศ ที่ยังมีสัดส่วนที่สูงการเปลี่ยนแปลงที่ จะได้รับผลกระทบต่อรถยนต์มือสองในระยะสั้น 3-5 ปี ยังไม่ได้รับผลกระทบมากหนัก เพราะการเปลี่ยนแปลง เพื่อทดแทนแบบสมบูรณ์อาจจะยังไม่เกิดเร็วอย่างที่หลายคนกังวล ด้วยสภาพการใช้งานและความเข้าใจของ ผู้บริโภคบางส่วนยังไม่สามารถปรับตัวไปได้เร็วขนาดนั้น ทั้งเรื่องความพร้อมของการชาร์จแบตเตอรี่ที่ยังมี ข้อจำกัด ลักษณะของบ้านพักอาศัยที่ยังไม่สร้างความสะดวกในการมีที่ชาร์จแบต ตลอดจนความไม่มั่นใจใน ตัวสินค้าและการบริการที่ยังมีปัญหาให้ผู้บริโภคยังลังเลในการตัดสินใจใช้รถ EV

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top