ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯพุ่ง อานิสงมาตรการรัฐกระตุ้นการใช้จ่าย

ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯพุ่ง อานิสงมาตรการรัฐกระตุ้นการใช้จ่าย

วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยว่าผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน2568 อยู่ที่ระดับ 89.1 เพิ่มจากระดับ 87.3 ในเดือนตุลาคม 2568  การปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากหลายปัจจัยสำคัญ ได้แก่ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายอาทิโครงการคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืนและการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนและส่งผลดีต่อการบริโภคสินค้าอาหาร เครื่องดื่มและสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งการเข้าสู่ช่วงHigh Season ยังส่งผลเชิงบวกต่อการบริโภคสินค้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวผู้ประกอบการเร่งการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น สำหรับการจำหน่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีและก่อนวันหยุดยาวในเดือนธันวาคมรวมทั้งมี การเจรจาการค้าเพื่อขยายตลาดส่งออกไทย การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ช่วยให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบและสนับสนุนการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม


แต่ก็ยังมีปัจจัยลบที่กดดันภาวะเศรษฐกิจได้แก่สถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ส่งผลกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านเรือนก่อให้เกิดความเสียหาย 20,000-30,000 ล้านบาท ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องในปี 2569 ประมาณ 90,000 ล้านบาท การระงับข้อตกลงสันติภาพกับกัมพูชาชั่วคราวยังทำให้ความขัดแย้งยังคงยืดเยื้อและกระทบต่อการค้าชายแดน  อีกทั้งการแข่งขันที่รุนแรงจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศก็เป็นแรงกดดันสำคัญ

นายพิภพ โชควัฒนา กรรมการบริหาร ส.อ.ท. และรองประธานสายงานเศรษฐกิจและวิชาการ กล่าวว่า จากผลการสำรวจผู้ประกอบการ1,330 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.ในเดือนพฤศจิกายน 2568 พบว่าปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจภายในประเทศ 61.7% เศรษฐกิจโลก 56.2% นโยบายภาครัฐ 42.3% การเข้าถึงสินเชื่อ 26.4% ราคาพลังงาน 26.2% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 20.4% ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน (โดยเฉพาะในมุมมองของผู้ส่งออก) 49.5%

ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 94.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 93.5 ในเดือนตุลาคม 2568 ผลมาจากหลายปัจจัยเชิงบวก ได้แก่ มติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการปรับลดค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม–เมษายน 2569 ลงเหลือ 3.88 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการและบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน การจัดงาน Motor Expo 2025 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในประเทศ  อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายเนื่องจาก ความเสียหายจากอุทกภัยยังต้องได้รับการเร่งฟื้นฟูและเยียวยา อีกทั้งการชะลอการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับไทย อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกในระยะข้างหน้า

ภาครัฐควรเร่งออกมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ ยกระดับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำให้เป็นวาระแห่งชาติ  พิจารณาการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้พลังงาน (Direct PPA) ไปสู่ยังภาคอุตสาหกรรมอื่น นอกเหนือจากอุตสาหกรรม Data center เพื่อเพิ่มทางเลือกด้านพลังงาน และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของภาคอุตสาหกรรม

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top