วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2568 มีทั้งสิ้น 130,222 คัน ลดลง 4.03% จากเดือนตุลาคม 2568 แต่เพิ่มขึ้น 11.06% จากเดือนพฤศจิกายน 2567 จากการผลิตเพื่อขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 57.49% เพราะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยในอัตรา 1.5 เท่าของยอดรถไฟฟ้านำเข้ามาจำหน่ายในปี 2565 – 2566 ที่ยังผลิตไม่ครบในปีที่แล้ว ส่งผลให้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 1,974.14% และผลิตรถกระบะเพิ่มขึ้น 7.34% จากการผลิตเพื่อขายในประเทศที่ผลิตเพิ่มขึ้น 44.31% ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ 11 เดือนปี 2568 (มกราคม - พฤศจิกายน 2568) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,341,714 คัน ลดลง 1.64% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้เดือนพฤศจิกายน 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 71,589 คัน เท่ากับ 54.97% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 10.54% จากเดือนพฤศจิกายน 2567 ส่งผลให้ 11 เดือนปี 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 862,886 คัน เท่ากับ 64.31% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 8.39% จากปี 2567 ขณะที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2568 ผลิตได้ 58,633 คัน เท่ากับ 45.03% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 57.49% จากเดือนพฤศจิกายน 2567 ส่งผลให้ 11 เดือนปี 2568 ผลิตได้ 478,828 คัน เท่ากับ 35.69% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 13.42% จากช่วงเดียวกันปี 2567
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤศจิกายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 51,044 คัน เพิ่มขึ้น 8.53% จากเดือนตุลาคม 2568 และเพิ่มขึ้น 20.65% จากเดือนพฤศจิกายน 2567 จากรถยนต์นั่งไฟฟ้าที่ขายได้เพิ่มขึ้นเพราะราคาจับต้องได้มากขึ้นและจากรถกระบะดัดแปลง PPV ที่บางบริษัทเพิ่งขายในปี 2568 รถกระบะไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าเพิ่มระยะทางที่เริ่มขายในปี 2568 รวมทั้งหลักฐานการเงินของผู้ซื้อรถกระบะแข็งแรงขึ้น ช่วยให้ยอดขายรถกระบะไม่ลดลงเป็นเดือนแรก ส่งผลให้ 11 เดือนปี 2568 รถยนต์มียอดขาย 546,045 คัน เพิ่มขึ้น 5.28% จากปี 2567
“ทั้งนี้ขอขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทยที่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งจะส่งผลลดภาระให้ผู้เช่าซื้อและผู้มีหนี้ลง ชำระคืนเงินต้นได้มากขึ้น มีเงินเหลือไปจับจ่ายซื้อสินค้าจำเป็นอื่น ๆ ได้มาตรฐาน โรงงานผลิตมากขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีรายได้มากขึ้น เป็นการเริ่มต้นสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นเสียที”นายสุรพงษ์ กล่าว
สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนพฤศจิกายน 2568 ส่งออกได้ 78,692 คัน ลดลง 5.26% จากเดือนที่แล้ว และลดลง 12.22% จากเดือนพฤศจิกายน 2567 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายในบางรุ่นเพื่อส่งออก ส่งผลให้ส่งออกรถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายในลดลงถึง 43.53% และส่งออกรถกระบะลดลง 6.39% แต่ยังคงส่งออกรถกระบะไฟฟ้าและรถยนต์นั่งไฟฟ้าต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางปี ตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นมีแค่เอเชีย ออสเตรเลียและโอเชียเนีย เท่านั้น และชิ้นส่วนรถยนต์ส่งออกเพิ่มขึ้น 6.19% ทั้งนี้ส่งผลให้ 11 เดือนปี 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 850,787 คัน ลดลง 9.77% จากช่วงเดียวกันปี 2567
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นตัวเลขเดือนธันวาคม 2568 เบื้องต้นสถานการณ์เรื่องการส่งออก ยังมีความไม่แน่นอน ต้องรอดูภาษีทรัมป์ว่าจะสุดท้ายแล้วจะผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนในไตรมาส 1-2/2569 ส่วนการผลิตรถยนต์เพื่อขายในประเทศ ก็ต้องรอดูความชัดเจนว่า เมื่อมีการเลือกตั้ง ใครจะเป็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี นอกจากนี้ ต้องรอดูว่างบประมาณรายจ่ายปี 2570 จะผ่านสภาได้เมื่อไร จะทันใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม หรือไม่ นโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาเป็นของพรรคไหน มาตรการเศรษฐกิจที่จะกระตุ้น ซึ่งคาดว่าช่วงกลางปีหน้าน่าจะเห็นความชัดเจน สำหรับในปี 2569 ส.อ.ท. คาดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1.45 ล้านคัน และยอดส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 9.5 แสนคันเท่ากับปี 2568 โดยจะรอประเมินสถานการณ์ความชัดเจนของภาษีทรัมป์ และการเลือกตั้งในปี 2569 ก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี