วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ภาคเอกชน..สุดทนปัญหาคอรัปชั่น ผนึกกำลังหลายภาคส่วนตั้งทีมปราบโกง
** คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย พร้อมด้วย คณะทำงาน “Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน” ต่อยอดจากโครงการ Reinvent Thailand ร่วมแถลงจุดยืนร่วมของภาคเอกชนในการสร้างประเทศไทยโปร่งใส แข่งขันได้ อย่างยั่งยืน
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน กล่าวว่า จากที่ประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ได้เห็นชอบแต่งตั้ง คณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน เพื่อรวบรวมข้อเสนอจากภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม พร้อมจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มาตรการเหล่านี้ถูกนำไปปฏิบัติ ได้จริง และสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงสร้างระบบเศรษฐกิจและการเมืองไทยที่โปร่งใส โครงการฯ นี้ นอกจากความร่วมมือ 3 หน่วยงาน ภายใต้ กกร. แล้ว ยังได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายสำคัญ ได้แก่ 1. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันแห่งประเทศไทย (ACT) 2. แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC), และ 3. สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (TIJ) รวมทั้งหน่วยงานทางวิชาการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เพื่อร่วมกันออกแบบนโยบาย ระบบ และกลไก ที่นำไปสู่สังคมโปร่งใสและตรวจสอบได้ และกำหนด Action Plan
นอกจากนี้ การทำงานของเรา ยังขยายสู่กลุ่มหน่วยป้องกันและปราบปราม เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อเชื่อมโยงสู่การบังคับใช้กฎหมายเชิงระบบ พร้อมด้วยเครือข่ายสนับสนุนจากภาคเอกชน เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย, หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย และภาคีเอกชนอื่น ๆ ที่พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์โครงการของเรา เช่น สมาคมการค้า อาทิ สมาคมตลาดสดไทย, สมาคมผู้ค้าปลีกไทย, สมาคมโรงแรมไทย และสมาคมภัตตาคารไทย เป็นต้น
ด้านคุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยในวันนี้ไม่ได้เพียงแค่ผลิตสินค้าเพื่อแข่งขันในตลาดโลกเท่านั้น แต่กำลังก้าวสู่ยุคที่ต้องผลิต ‘ความโปร่งใส’ เป็นมาตรฐานใหม่ของการดำเนินธุรกิจ เพราะการทุจริตไม่ใช่แค่ปัญหาทางศีลธรรมที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคม แต่คือ ‘ต้นทุนที่มองไม่เห็น’ ที่กัดกร่อนศักยภาพของประเทศ ทั้งด้านการลงทุน เทคโนโลยี และโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคตการรพัฒนาเศรษฐกิจไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากยังมีร่องรอยของการทุจริตแทรกอยู่ในระบบ เพราะทุกการกระทำที่ไม่โปร่งใส คือ อุปสรรคต่อการเติบโตของชาติและความเชื่อมั่นของนักลงทุน
รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และคณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน ร่วมกับ ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวว่า การดำเนินงานของคณะทำงานฯ จะเน้นการดำเนินการผ่าน กรอบการดำเนินงาน “6 ด้านต้านทุจริต” ดังนี้ 1.การปลูกฝังจิตสำนึก ส่งเสริมให้คนไทยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตสำนึกและวัฒนธรรมองค์กรโปร่งใส 2.นโยบายต่อต้านการทุจริตในองค์กร ผลักดันให้ภาคธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐมีนโยบาย มาตรการ และการกำกับภายในที่ชัดเจน ครอบคลุมถึงการบริหารทรัพยากรบุคคล การจัดซื้อจัดจ้าง และการประเมินผล 3.ระบบบริหารความเสี่ยง จัดทำเครื่องมือระบุ วิเคราะห์ และประเมินความเสี่ยงด้านการทุจริตอย่างเป็นระบบ พร้อมแนวทางติดตาม ป้องกัน และตรวจสอบอย่างเข้มงวด 4. การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ ผลักดันให้ข้อมูลภาครัฐถูกเปิดเผยในรูปแบบดิจิทัล ให้ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนสามารถเข้าถึง ตรวจสอบ และนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย เชื่อมโยงกับแนวทาง OECD และ OGP 5. เทคโนโลยีเพื่อความโปร่งใส ใช้เทคโนโลยี Big Data และ AI ในการตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ เชื่อมโยงฐานข้อมูลจากหลายหน่วยงาน และสนับสนุนการตรวจสอบแบบ real-time เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันคอร์รัปชั่น 6. แนวทางการร้องเรียนและคุ้มครองผู้เปิดเผยข้อมูล สร้างระบบรับเรื่องร้องเรียนที่ปลอดภัย คุ้มครองผู้เปิดโปงข้อมูล และกำหนดแนวทางปฏิบัติให้ทุกภาคส่วนสามารถแจ้งเบาะแสได้โดยไม่ถูกคุกคาม
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และคณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน กล่าวว่า ผลสำรวจ "ดัชนีสถานการณ์ คอร์รัปชันไทย (Thai CSI)" ประจำเดือนมิถุนายน 2568 โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นการสำรวจจาก 3 กลุ่มตัวอย่างหลัก จำนวน 2,400 ตัวอย่าง (ประชาชน, ผู้ประกอบการ/ภาคเอกชน, และข้าราชการ/ภาครัฐ) พบว่า ดัชนีรวมปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 36 จากระดับ 37 ในการสำรวจเมื่อเดือนธันวาคม 2567 สะท้อนว่าสถานการณ์ คอร์รัปชัน ไทยในภาพรวมแย่ลง โดยดัชนีย่อยทั้งด้าน "ปัญหาและความรุนแรง" "การป้องกัน" และ "การปราบปราม" ล้วนปรับตัวลดลงทั้งหมด ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างมีความกังวลต่อสถานการณ์อย่างยิ่ง โดย 87% มองว่าปัญหาคอร์รัปชันในปัจจุบัน "รุนแรงขึ้น" เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และ 74% คาดการณ์ว่า "จะรุนแรงขึ้น" ในปีหน้า แม้ว่าปัญหาจะยังรุนแรง แต่มีสัญญาณเชิงบวกคือ "ค่าเฉลี่ยความสามารถที่จะทานทนต่อการทุจริต (Tolerance of corruption)" ที่ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.92 (ในระดับ 0-10 โดย 0 หมายถึง เกลียดการทุจริตที่สุด) สะท้อนว่าสังคมไทยไม่ยอมรับและไม่ทนต่อปัญหานี้อย่างชัดเจน
"ผลดัชนี CSI ที่ปรับตัวลดลงครั้งนี้สะท้อนวิกฤตความเชื่อมั่นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการที่ดัชนีย่อยทั้งด้านการป้องกัน การปราบปราม และความรุนแรงของปัญหา แย่ลงพร้อมกันทั้งหมด สิ่งที่น่ากังวลคือความเชื่อมั่นต่อองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ปราบปรามการทุจริตอยู่ในระดับต่ำมาก ในทางกลับกันความเชื่อมั่นต่อพลังของภาคประชาชนและสื่อมวลชนกลับเพิ่มสูงขึ้น ภาครัฐจึงต้องเร่งพิสูจน์ตัวเองโดยการ 'บังคับใช้กฎหมาย' อย่างจริงจัง และสร้าง 'กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส' เพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยด่วน"”
** กระบองเพชร**

‘สธ.’ส่งยาเวชภัณฑ์ ชุดยาสามัญประจำบ้าน 15,000 ชุด ช่วยเหลือประชาชนพื้นที่น้ำท่วม
‘ชัยภูมิ’รวมใจ! พอ.สว.ลำดับ46 ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่‘พระพันปีหลวง’
‘สืบปัว’รวบคากุฏิ-จับสึกพระเสพยาบ้า
สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงเปิดงาน 'Kraam International Symposium 2025'
‘ททท.ระยอง’เร่งเครื่องลุย 5 โครงการ ดันยอดนักท่องเที่ยว 6.5 ล้านปลายปีนี้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี