จะว่าไปแล้วเดือนธันวาคมของทุกปีคือเดือนที่ชาวโลกมีความสุขกันทั่วหน้า เพราะเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็นการฉลองคริสต์มาสของชาวคริสต์ การฉลองฮานุกก้าของชาวยิว และผู้นับถือศาสนาอื่นๆ ต่างก็รอคอยวันขึ้นปีใหม่ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหนหรือมีความเชื่อแบบใดก็ยกให้เดือนธันวาคมเป็นเดือนแห่งความสุขสำราญทั้งสิ้น เป็นเดือนที่ทุกคนจะได้ร่วมกินดื่มอาหารเลิศรสและได้ของขวัญของฝากถูกใจ แต่เดือนนี้ลุงแซมกลับสาดน้ำมันเข้าไปในอิสราเอล แล้วจุดไม้ขีดไฟพรึ่บโยนตามไป เล่นเอาโลกอาหรับลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกรอบ
เมื่อปี 1995 สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมาย Jerusalem Embassy Act ซึ่งกำหนดให้อเมริการับรองเยรูซาเล็มให้เป็นเมืองหลวงอิสราเอลรวมถึงการย้ายสถานทูตไปตั้งที่นั่นด้วย แต่ขณะเดียวกันก็อนุญาตให้ประธานาธิบดีเลื่อนการบังคับใช้ออกไปก่อนได้ หากมีเหตุอันจะกระทบต่อ “ความมั่นคงของชาติ” ประธานาธิบดีทุกคนตั้งแต่ บิล คลินตัน จนถึงโอบามา ต่างใช้อำนาจสั่งเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้มาโดยตลอด เพราะเห็นว่านี่คือชนวนที่จะก่อให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับโลกอาหรับ แต่พี่ทรัมป์แกดันแถลงรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และจะย้ายสถานทูตอเมริกาไปตั้งที่นั่นเสียอย่างงั้นแหละ แถมภูมิใจในตัวเองอีกต่างหากว่ากล้าทำในสิ่งที่ประธานาธิบดีคนไหนไม่ทำ รู้สึกเฮียจะภูมิใจในเรื่องแปลกๆ นะจ๊ะ
สิ้นคำแถลงเฮียทรัมป์ ภูมิภาคอาหรับก็ลุกเป็นไฟ เกิดการประท้วงที่นั่นที่นี่ทั่วโลก ผู้ประท้วงตะโกนด่าอิสราเอล เผาธงชาติอเมริกัน แล้วเหมารวมไปถึงชาติอาหรับบางประเทศที่ "ทรยศ" ไปสนับสนุนการตัดสินใจของทรัมป์
ชาวปาเลสไตน์ลุกฮือประท้วงขว้างปาก้อนหินแล้วปล่อยจรวดใส่ยิวรัวๆ ยิวก็ใช่ย่อย จัดหนักแบบไม่ยั้งมือใส่เหมือนกัน เล่นเอาบาดเจ็บล้มตายกันทั่วหน้า ชาวมุสลิมทั่วโลกในจอร์แดน, ตุรกี, ปากีสถาน, มาเลเซีย เลบานอน, อินโดนีเซีย, อียิปต์ โมร็อกโก และปาเลสไตน์ประท้วงอย่างหนัก คำประกาศของทรัมป์จุดชนวนการประท้วงอย่างรุนแรงในโลกมุสลิม แถมยังทำให้กองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลกับปาเลสไตน์ทั้งในเขตเวสต์แบงก์ กาซา และเยรูซาเลมตะวันออกตีกันนัวเนียรอบใหม่
ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาสของปาเลสไตน์นั้นโกรธจัด ไม่ยอมพบปะพูดคุยกับรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ของอเมริกาเลยด้วยซ้ำ แต่ที่เปรี้ยวสุดๆ คือประธานาธิบดีตัยยิป แอร์โดอัน แห่งตุรกีที่แซะอิสราเอลว่าเป็น "รัฐผู้บุกรุก" และ "รัฐก่อการร้าย"
เสียงลอยลมจากตุรกิเล่นเอาเนทันยาฮูหัวร้อนขึ้นมาทันที แล้วด่าฝากไปทางตุรกีว่า ไม่ต้องมาสั่งสอนหรือด่ากระทบหรอก หนอย..ทำมาเป็นคนมีคุณธรรม คงลืมไปแล้วสินะว่าใครสั่งบอมบ์หมู่บ้านชาวเคิร์ดในประเทศตัวเอง มิหนำซ้ำจับนักข่าวขังคุกเป็นเบือ แล้วใครวะที่ช่วยอิหร่านให้พ้นจากการลงโทษจากนานาชาติ แถมช่วยผู้ก่อการร้ายหนุนหลังให้ฆ่าคนบริสุทธิ์น่ะ
ปูตินก็เข้ามาช่วยเสริมเฮียแอร์โดอันทันทีว่า สิ่งที่ตาทรัมป์ทำนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจากจะยิ่งเติมเชื้อไฟให้ตะวันออกกลาง ระหว่างยิวกับอาหรับ
เนทันยาฮูเดินสายไปหาพันธมิตรสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อหว่านล้อมให้อียูเห็นพ้องกับทรัมป์ แต่งานนี้เนทันยาฮูเงิบกลางอากาศ เพราะอียูไม่เล่นด้วย นักการทูตระดับสูงของสวีเดนเผยว่า ภายในการประชุมแบบปิดลับ ผลออกมาว่าไม่มีรัฐมนตรีอียูชาติใดสนับสนุนการตัดสินใจของทรัมป์หรือมีแนวโน้มย้ายสถานทูตไปยังเยรูซาเล็มแม้แต่ชาติเดียว
ในขณะที่ทั้งโลกไม่พอใจ แต่เนทันยาฮูและทรัมป์ก็จับมือกันเต้นรำเพลง Hava Nagila กันอย่างชื่นมื่น เพลง Hava Nagila เป็นเพลงพื้นบ้านของชาวยิว ใช้บรรเลงในเทศกาลงานรื่นเริงต่างๆ ของยิว คล้ายๆ เพลงรำวงบ้านเรานี่แหละ แถมเนทันยาฮูยังออกมาบอกว่า การยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงเท่ากับเปิดโอกาสสร้างสันติภาพ สันติภาพแบบไหนล่ะ.. เฮีย ยิงกันหูดับตับไหม้ขนาดนี้น่ะ
นายกรัฐมนตรีอิสราเอลสนับสนุนป๋าทรัมป์แบบสุดลิ่มทิ่มประตูว่า สิ่งที่ทรัมป์ทำคือการนำความจริงมาพูดด้วยการยอมรับว่าอิสราเอลเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลมานาน 70 ปีแล้ว และเป็นของชาวยิวมานานกว่า 3,000 ปี แล้วเปรยๆ ให้ได้ยินกันทั้งโลกว่า ชาวโลกด่าทรัมป์ดังลั่นโลก แต่ไม่ยักไม่ได้ยินใครด่าเรื่องจรวดลึกลับที่ประเคนยิงใส่อิสราเอลบ้างเลย
องค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ซึ่งเป็นองค์การขนาดใหญ่ที่สุดของโลกมุสลิมเรียกร้องให้นานาชาติรับรอง "เยรูซาเล็มตะวันออก" เป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์บ้าง พร้อมชี้ว่าการกระทำของทรัมป์ ทำให้อเมริกาไม่สมควรรับบทคนกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดินแดนระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อีกต่อไป แถมประกาศต่อว่า การตัดสินใจของทรัมป์เป็นโมฆะในทางกฎหมาย เพราะมีเจตนาบ่อนทำลายความพยายามเพื่อสันติภาพ
พูดกันตามเนื้อผ้าแล้ว หากเฮียทรัมป์ผมเป๋บอกว่าเยรูซาเล็มควรเป็นของยิวเพราะอ้างตามหลักฐานประวัติศาสตร์ อเมริกาก็ไม่ใช่ของฝรั่งอั้งม้อผิวขาวเช่นกัน เพราะเป็นแผ่นดินของอินเดียนแดงที่คนผิวขาวไปแย่งมาอย่างหน้าด้านๆ งานนี้ลุงแซมเข้าข้างยิวจนน่าเกลียด แต่เพราะอะไรนั้น ล้วนมีเงื่อนงำอยู่ในกอไผ่ทั้งสิ้น
หากย้อนไปในช่วงทรัมป์เดินสายหาเสียง ทรัมป์ประกาศชัดเจนว่าจะ "จัดหนัก" อิหร่าน โดยกล่าวว่าอิหร่านเป็นภัยต่ออิสราเอล ยุโรป และอเมริกา แต่โดยภาพรวมแล้วทรัมป์หาเสียงไปในแนวทางที่ต่อต้านอิหร่านและเข้าข้างอิสราเอล น่าแปลกอย่างยิ่งที่คำปราศรัยของทรัมป์กับเนทันยาฮูเหมือนกันราวกับโขกในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
เราต้องไม่ลืมข้อเท็จจริงประการหนึ่งว่า ลูกเขยสุดหล่อของตาทรัมป์ที่ชื่อ เจเร็ด คุชเนอร์นั่นเป็นยิว แถมพ่อของคุชเชอร์ยังเป็นเพื่อนซี้กับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเสียด้วย คงมีอะไรลึกลับซับซ้อนซ่อนอยู่ในคำประกาศอยู่อีกมากมายอันเป็นเหตุให้ทรัมป์กับเนทันยาฮูเต้น Hava Nagila ด้วยกัน ท่ามกลางเปลวเพลิงในดวงตาของมุสลิมทั่วโลก
นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เยรูซาเล็มคงกลายเป็นแผ่นดินที่หาความสงบได้ยาก ราวกับเป็นดินแดนต้องคำสาปที่ปราศจากสันติภาพอย่างแท้จริงตลอดระยะเวลาหลายพันปี แม้กระทั่งในปัจจุบัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี