ความสนิทสนมระหว่างสองตระกูลการเมืองของไทยกับกัมพูชา นั่นคือระหว่างตระกูลชินวัตร กับตระกูลฮุน ถือเป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางในแวดวงการเมือง ทั้งในประเทศทั้งสอง และในภูมิภาคต่างๆ ของโลก จึงเป็นที่คาดหมายกันว่าความสนิทชิดเชื้อ พร้อมด้วยการเป็นผู้นำรัฐบาลในแต่ละประเทศของตนจะนำมาซึ่งการช่วยแก้ไขประเด็นปัญหาที่ค้างคาอยู่ และการเพิ่มพูนความสัมพันธ์ในแขนงต่างๆเพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้ากันอย่างลึกซึ้งกว้างขวาง
แต่ทว่ารูปการณ์ดูจะมิได้เป็นเช่นนั้น ดังจะเห็นได้จากการที่ทั้งสองตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ในการเมืองในแต่ละประเทศของตน ยังไม่ได้คิดอ่านทำการเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ หรือนัยหนึ่งเพื่อความผาสุกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนพลเมืองไทยและกัมพูชา
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะทั้งสองตระกูลต่างร่วมกันให้ความสำคัญกับเรื่องที่จะได้ผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่าของชาติ ในทำนอง “เรื่องของพวกฉันทั้งสองมาก่อน เรื่องของประชาชนของทั้งสองประเทศมาทีหลัง” นั่นก็คือ การจะเอาประโยชน์มาให้ได้จากพลังงานเชื้อเพลิงที่ฝังอยู่ใต้ทะเล ที่ทั้งสองประเทศยังมีข้อพิพาทหรือเห็นต่างในเรื่องเขตแดนทางทะเลกันอยู่ โดยได้มีความเพียรพยายาม มีความมุ่งมั่น ที่จะขุดเอาเชื้อเพลิงมาค้าขายกันก่อน โดยไม่รอให้การเจรจาว่าด้วยข้อพิพาททางเขตแดนทางทะเลแล้วเสร็จ แล้วก็ไม่ฟังเสียงใดๆ จากผู้ที่เห็นต่าง เรื่องทั้งหมดก็ยังคลุมเครืออยู่ อีกทั้งการเจรจาว่าด้วยการปักปันเขตแดนพื้นที่บนบก รวมทั้งอาณาบริเวณรอบๆ ตัวปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งศาลยุติธรรมโลกก็ได้มีข้อตัดสินเชิงคำสั่งมาแล้ว สาธารณชนทั้งสองประเทศและประชาคมโลกก็ยังไม่ได้รับข่าวสารใดๆ เกี่ยวกับความคืบหน้าและสถานะของการเจรจา
ล่าสุดในการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชา 75 ปี ที่กรุงพนมเปญ ก็ได้มีการเจรจาหารือและลงนามในเอกสารบันทึกช่วยจำถึง 7 ฉบับ แต่ก็มิได้มีการชี้แจงออกมาว่า ก่อนที่จะเดินทางไปเยือนกัมพูชานั้นได้มีการนำเรื่องไปเสนอต่อรัฐสภาแล้วหรือไม่? หรือเมื่อหลังเยือนแล้ว จะนำเอกสารทั้งหมดไปเสนอต่อรัฐสภาอย่างไร?
นอกจากนั้น ข่าวคราวเกี่ยวกับผลการเยือนก็มิได้มีการกล่าวถึง การร่วมมือขจัดศูนย์กลางขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ (Call center) ว่าหมดสิ้นไปแล้วหรือยัง และจะมีการร่วมมือว่าในเรื่องการเดินทางไปเล่นการพนันของคนไทยในบ่อนกาสิโนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชากันมากน้อยแค่ไหน เพื่อป้องกันการฟอกเงิน หรือแม้กระทั่งการร่วมกันตรวจสอบว่า ผู้เข้าเล่นการพนันจากฝั่งไทยนั้น นำเงินมาจากที่ไหน และเป็นผู้ที่มีการเสียภาษีรายได้หรือไม่อย่างไร เป็นต้น ซึ่งเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของไทยอย่างใหญ่หลวงก็ปรากฏว่า สื่อมิได้มีการให้ข่าวแต่อย่างใด นายกรัฐมนตรีไทยและคณะก็มิได้มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ เกี่ยวกับการที่ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดท่าเรือเมืองเรียม ซึ่งติดกับจังหวัดตราดของไทย ให้เป็นฐานทัพเรือจีน และเรื่องการที่กัมพูชาและจีนจะร่วมกันสร้างคลองเชื่อมโยงอ่าวไทยกับแม่น้ำโขง ใกล้ปากแม่น้ำโขง ซึ่งกระทบต่อการใช้น้ำ และการเปิดเส้นทางทางน้ำให้กับฝ่ายจีน ซึ่งก็มีนัยของเรือติดอาวุธขึ้นลงตลอดเส้นทางของแม่น้ำโขงได้ โดยที่ไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศหรือการปรึกษาหารือกันมาก่อนเลย แต่ฝ่ายรัฐบาลไทยกลับไม่เหลียวแล เพิกเฉย โดยไม่คำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ
ทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของสองตระกูลดังกล่าว มิได้นำมาซึ่งการพูดจากันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้มีผลประโยชน์ร่วมกันของสองชาติอย่างแท้จริง และเป็นการเสริมสร้างมิตรไมตรีต่อกันและกันในระดับประเทศ มิใช่พึงสร้างมิตรไมตรีที่อยู่แค่ระดับสองตระกูลการเมือง ส่วนประเทศชาติทั้งสองจะเป็นอย่างไรก็ “ช่างมัน!!”
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี