แต่อดีตมา ความเป็นตัวตนของอาเซียนในฐานะองค์การร่วมมือระดับภูมิภาคก็คือ การต่อสู้และต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ การมีระบบเศรษฐกิจการค้าแบบตลาดเสรีหรือทุนนิยม ไปจนถึงความคิดอ่านที่มองออกไปสู่โลกกว้างเพื่อใฝ่หาความร่วมมือ และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
จนเมื่อโลกยุคสงครามเย็นผ่านพ้นไป โลกได้มีความเชื่อมโยง และคบหาสมาคมแบบไร้พรมแดนกันมากยิ่งขึ้น อาเซียนก็ปรับตัวเองไปตามทิศทางนั้น โดยในระหว่างทางหรือการวิวัฒนาการของอาเซียน อาเซียนก็ได้มีการประกาศจุดยืน และเป้าหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน และการข้องแวะกับโลกกว้าง ดังจะเห็นได้ว่าอาเซียนได้ออกเอกสารสำคัญๆ อาทิ
- Treaty of Amity and Cooperation
- Decoration of Southeast Asia as a Zone of Peace FreedomNeutrality
- Decoration on Southeast Asia as a Nuclear Free Zone
- The ASEAN Charter ที่กำหนดให้อาเซียนเป็นองค์กรที่อยู่กันด้วยกฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ (Rule based) เป็นต้น
นอกจากนั้น อาเซียนยังได้มีการออกแถลงการณ์ร่วมกัน ออกแผนแห่งการปฏิบัติร่วมกัน ไปจนถึงการจัดทำข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรี และการมุ่งพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยโครงสร้างพื้นฐานว่าด้วยการคมนาคม เป็นต้น
ในวันที่ 26-28 ตุลาคม 2568 อาเซียนจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำ ครั้งที่ 47โดยมีผู้นำของประเทศมิตรคู่ค้า คู่เจรจา (Dialogue Partners) เข้าร่วมด้วย การประชุมจะมีขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยฝ่ายมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ
การนี้ก็จะมีการถ่ายรูปหมู่ การกล่าวสุนทรพจน์ การจัดเลี้ยงรับรอง การออกแถลงการณ์ร่วม และการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ซึ่งในช่วงเวลานั้นบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ก็จะจัดหาเวลาพบปะกันต่างหากนอกห้องประชุม หรือตามระเบียงอาคารห้องประชุม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ หรือแก้ปัญหาที่มีต่อกัน
การประชุมสุดยอดครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกกว้างอย่างมากมาย ทั้งในเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจ การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภยันตรายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติแวดล้อม ความเหลื่อมล้ำระหว่างประชาชนพลเมืองในแต่ละประเทศ ไปจนถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างประชากรโลกด้วยกัน ก่อให้เกิดการโยกย้ายถิ่นฐานเป็นผู้อพยพลี้ภัย ไปจนถึงการรังเกียจเดียดฉันท์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันบนพื้นฐานของสีผิว วิถีชีวิต ความเชื่อถือและการนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน เป็นต้น
ในแวดวงอาเซียนเอง แม้ว่ากฎบัตรอาเซียนจะระบุไว้ซึ่ง การเคารพในเรื่องสิทธิมนุษยชน การเป็นสังคมประชาธิปไตย การเอาประชาชนพลเมืองเป็นที่ตั้ง (People Centred) และการมีบทบาทนำของอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือคาบสมุทรอินเดียและแปซิฟิก (ASEAN Centrality)
แต่ทว่าระบบโครงสร้างทางการเมืองการปกครองของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนยังมีความแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งก็บ่งบอกว่าสิทธิเสรีภาพของพลเมืองหรือประชากรโดยรวมของอาเซียนทั้งหมดประมาณ 650 ล้านคน ไม่มีความเสมอภาคและทัดเทียมกัน โดยพลเมืองหรือประชากรอาเซียนที่บรูไน ที่พม่า ที่ลาว ที่เวียดนาม และที่กัมพูชา ยังต้องอยู่กับระบบของความหวาดกลัวจากการถูกกดขี่ เมื่อเทียบกับพลเมืองหรือประชากรอาเซียนที่ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม และไม่คู่ควรต่ออาเซียนแต่อย่างใด จำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อให้พลเมืองหรือประชากรอาเซียนมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์อย่างเสมอเหมือนกัน
แต่มีข้อสังเกตเป็นความห่วงกังวลว่า บรรดาผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะไปรวมตัวกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ดังกล่าวนั้น มีความตระหนักรู้เกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงของความเหลื่อมล้ำกันมากน้อยแค่ไหน? และมีความรู้และจิตสำนึกเกี่ยวกับเป้าหมาย วิสัยทัศน์ต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นมากน้อยแค่ไหน?
ทั้งหมดนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมการของแต่ละคณะผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นสำคัญ เช่นว่าจะมุ่งให้อาเซียนกำหนดใจตนเองเป็นอิสระ มุ่งวางตัวเป็นกลาง ไม่ไปเข้ากับประเทศยักษ์ใหญ่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และจะมีการทบทวนสภาพและสภาวะของความเหลื่อมล้ำในเรื่องสิทธิเสรีภาพ เพื่อให้ได้มาซึ่งการมีชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตย ไปจนถึงการประกาศให้อาเซียนเป็นดินแดนแห่งสันติภาพ และการมุ่งแก้ปัญหาใดๆ ด้วยการเจรจาแบบสันติวิธี กันแค่ไหน? และอย่างไร?
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี