วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ต้องการเป็นผู้นำระดับโลกในการเสริมสร้างสันติภาพ อีกทั้งไม่เขินอายหรือตะขิดตะขวงใจในการที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และในช่วงปี 2568 นี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ป่าวประกาศอย่างภูมิอกภูมิใจถึงความสำเร็จของเขาในการที่ให้ประเทศคู่อริถึง 7 คู่ อันได้แก่ อินเดีย-ปากีสถาน, อิสราเอล-อิหร่าน,เซอร์เบีย-โคโซโว, อาเซอร์ไบจาน-อาร์เมเนีย,อียิปต์-เอธิโอเปีย, รวันดา-คองโกประชาธิปไตย,ไทย-กัมพูชา ยุติการสู้รบกันได้
แต่ไม่นานมานี้ กลับมีข่าวคราวแพร่กระจายไปทั่วโลกว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้กองเรือรบสหรัฐฯ เดินทางเข้าไปในทะเลแคริบเบียน และเริ่มยุทธการปราบปรามทำลายล้างบรรดาเรือขนส่งต่างๆ ที่เป็นที่สงสัยว่าลำเลียงยาเสพติดที่ผลิตจากประเทศเวเนซุเอลาเพื่อนำเข้าสหรัฐอเมริกา แถมยังเตรียมความพร้อมในการที่จะยกพลขึ้นบก และโจมตีทางอากาศเพื่อทำลายล้างโรงงานผลิตยาเสพติดและขบวนการอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องในเวเนซุเอลาด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็มีนัยว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการโค่นล้มรัฐบาลเวเนซุเอลาชุดปัจจุบันที่มีอุดมการณ์สังคมนิยม ที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับสหรัฐฯ
หากมองในภาพรวมทั่วๆ ไป นี่คือเรื่องของการรุกรานต่อประเทศหนึ่งโดยกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักการของการใช้วิธีการทางสันติคือ การเจรจาทางการทูตอย่างชัดเจน
และในเวลาไล่เลี่ยกัน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้แสดงความห่วงกังวลเหตุการณ์ที่ประเทศไนจีเรีย นัยว่าชาวไนจีเรียที่นับถือศาสนาคริสต์ต่างไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและตกอยู่ในสภาพแห่งความหวาดกลัวที่มีที่ไปที่มาจากการที่ประชากรส่วนใหญ่ของไนจีเรียนับถือศาสนาอิสลาม โดยคณะรัฐบาลไนจีเรียก็มักเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม ฉะนั้นประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็มีดำริที่จะส่งกองกำลังสหรัฐฯ เพื่อเข้าไปปกป้องคุ้มครองชาวไนจีเรียที่นับถือศาสนาคริสต์โดยตรง ถือเป็นการเข้าไปแทรกแซงในกิจการภายในของประเทศไนจีเรีย อีกทั้งการจะใช้กำลังทหารใดๆ ก็นับเป็นการบุกรุก รุกรานอธิปไตยของประเทศไนจีเรีย ซึ่งก็เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างสิ้นเชิง
ใน 2 กรณีดังกล่าวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นการเคลื่อนไหวในเชิงการสงคราม ซึ่งสวนทางกับการแสดงจุดยืนที่เป็นผู้รักสันติภาพ และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ชนิดที่โลกก็ยังงงงวยว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นตั้งใจจะเดินหน้าไปทางไหนกันแน่? ระหว่างการสงครามกับการเสริมสร้างสันติภาพ
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีทั้งเวลาและโอกาสที่จะกลับมาทบทวนตนเองว่า จะคงอยู่กับเส้นทางแห่งสันติ และทำประโยชน์ให้กับสังคมโลก หรือจะเดินไปในทางที่หลงระเริงกับอำนาจ โดยเอาตัวเองและความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกาเป็นที่ตั้ง ไม่ฟังเสียงท้วงติง คัดค้านจากชาวโลกหน้าไหน ซึ่งหากเป็นกรณีหลัง ก็จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะสหรัฐฯ ยิ่งใหญ่จนอยู่ในฐานะที่จะทำตัวเป็น “ผู้สร้าง” และเป็นผู้มีความ “สร้างสรรค์” ได้
อีกทั้งก็ยังมีเหตุการณ์ความขัดแย้งต่างๆ ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถเข้าไปร่วมแก้ไขได้ ไม่ว่าจะเป็นสงครามกลางเมืองที่ลิเบีย สงครามกลางเมืองที่เยเมนสงครามกลางเมืองที่ซูดาน และสงครามกลางเมืองที่เมียนมา ที่ต่างรอคอยบทบาทผู้นำและความสร้างสรรค์ของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งความขัดแย้งที่ยังคุกรุ่นอยู่ในอีกหลายประเทศ เช่นที่ โซมาเลีย เอธิโอเปีย และคองโกประชาธิปไตย ที่หากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีความสนอกสนใจต่อความเป็นไป ก็จะสามารถช่วยปูทางต่อสันติภาพในประเทศเหล่านี้ได้
ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ขาดตอนการพูดจาหารือกันระหว่าง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์, ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เพราะทั้งสามเป็นผู้นำประเทศที่มีแสนยานุภาพสูงสุดในโลก โดยต่างเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ ที่มีภาระหน้าที่ตามกฎหมายระหว่างประเทศในการที่จะต้องร่วมกันจรรโลงสันติภาพ จึงต้องไม่ทำตัวเป็นตัวก่อความขัดแย้ง และต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาการสงคราม ความขัดแย้งต่างๆ อย่างจริงจังและจริงใจ
โลกแต่อดีตมาได้อยู่กับการสงครามมากกว่าอยู่กับสภาวะสันติภาพ เนื่องจากมนุษย์นั้นมีความเก่งกล้าสามารถในการผลิตอาวุธเพื่อประหัตประหารกันให้ถึงที่สุด โดยต่างลืมเลือนไปว่า มนุษย์เท่านั้นที่มีความสามารถที่จะคิดอ่านอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ฉะนั้น มนุษย์ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นทบทวนกันใหม่ ด้วยการคิดเพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพ และเริ่มลงมือในกระบวนการทันที
หาก ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงใจจริง ดังที่ประกาศตนว่าจะทำเพื่อสันติภาพ ก็อยู่ในวิสัยที่จะนำพาในเรื่องสันติภาพ และสันติสุขให้กับโลกนี้ได้ เมื่อนั้นรางวัลโนเบลเพื่อสันติภาพที่ฝันใฝ่ ก็ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

‘เจมส์ – กาด – แฟ้ม – แมทธิว’ พร้อมส่งหัวใจเตรียมรับสัญญาณเตือน ในซีรีส์ ‘Love Alert มีคำเตือนโปรดระมัดระวัง’
จับตา! ปี 2569 ช่อง 7HD กับปรากฏการณ์ข่าวโฉมใหม่ 'มีเรื่องต้องคุย'
‘กรีน ปัฐยฬุรี’ เปิดตัวซิงเกิลพิเศษ only us mode ส่งท้ายปี
เจรจา3ฝ่ายชื่นมื่น จีนยืนยันไม่แทรกแซง ช่วยเขมร20ล้านหยวน ‘ทรัมป์’โผล่ร่วมยินดี
วาทกรรมสีส้มVSความจริงสีเทา คมมีดที่หันกลับมาฟันตัวเอง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี