วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การเพิ่มประสิทธิภาพ ป.ป.ช.:
ป.ป.ช. ควรได้รับอำนาจหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้การปราบปรามการทุจริตบรรลุผล
หนึ่งในข้อเสนอที่เคยมีการหารือคือ
การให้อำนาจ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง 5 ปี เพื่อสกัดนักการเมืองที่ทุจริต
ที่สำคัญกว่าอำนาจคือความซื่อสัตย์สุจริตของผู้ปฏิบัติหน้าที่เอง
ซึ่งต้องควบคู่ไปกับการสร้างกลไกการถอดถอนผู้ที่ขาดความซื่อสัตย์อย่างเด็ดขาด
ดังที่กล่าวไปแล้ว
บทที่ 4: ยุทธวิธีและจังหวะก้าวในการเปลี่ยนผ่าน
(Tactics and Phasing)
การเปลี่ยนผ่านที่เกิดจากการปฏิรูปกฎหมาย
ต้องมีการวางแผนเชิงยุทธวิธีที่ละเอียดรอบคอบ
โดยต้องใช้โอกาสและจังหวะในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
4.1 จังหวะและโอกาสในการปฏิรูป (Timing and Opportunity)
การเปลี่ยนผ่านที่สำคัญมักเกิดขึ้นในช่วงที่มีความขัดแย้ง
หรือในช่วงที่มีกระแสของการปฏิรูปของประชามหาชน
การใช้ช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตการณ์ หรือ
หลังการรัฐประหารที่เกิดขึ้นเพื่อล้ม “รัฐบาลเผด็จการรัฐสภา”
จะต้องถูกเปลี่ยนเป็นโอกาสในการสร้างฉันทามติทางกฎหมายใหม่โดยทันที
สิ่งสำคัญคือการที่คณะกรรมการร่างกฎหมายจะต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี
ในการดำเนินการเพื่อหาฉันทามติที่ยั่งยืน
ความวุ่นวายและการไม่เห็นด้วย (dissent and tumult)
เป็นลักษณะปกติของช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน
เพราะแนวคิดดั้งเดิมไม่ได้หายไปในชั่วข้ามคืน
4.2 ยุทธวิธีแบบผสมผสานและการสร้างกำลังเปลี่ยนผ่าน (Hybrid Tactics)
การเปลี่ยนแปลงสู่ประชาธิปไตยต้องการความร่วมมือ
จากผู้นำที่หลากหลายที่มีคุณภาพ
และต้องใช้กำลังที่เป็นจริงในหลายมิติ
(กำลังปัญญา, กำลังทุน, กำลังสื่อ, กำลังวิชาการ, กำลังมวลชน)
บทบาทของพลังมวลชนและสันติวิธี
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะขาดผู้นำระดับรัฐบุรุษที่มีกำลังใหญ่เข้มแข็งนำไม่ได้
แต่การปฏิรูปต้องมีประชาชนเป็นพลังพื้นฐานและเป็นส่วนร่วมที่สำคัญ
การเคลื่อนไหวโดยสันติวิธีที่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากสาธารณชน (Nonviolent, massmobilizations)
มีประวัติที่ดีกว่าในการวางรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยที่มั่นคง
การมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องนี้สร้างพลเมืองที่มีความเข้าใจและ มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างลึกซึ้งในผลลัพธ์ของการเปลี่ยนผ่าน
ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาทิศทางการปฏิรูปเมื่อเผชิญกับความท้าทาย
4.3 การดำเนินการตามขั้นตอน (PhasedImplementation Steps)
การปฏิรูปต้องมีจังหวะก้าวและขั้นตอนที่ชัดเจน
โดยแบ่งออกเป็น 4 ระยะที่ต่อเนื่องกัน:
- ลำดับขั้นตอน (Phase)
- ยุทธวิธีหลัก (Strategy/Tactic)
- วัตถุประสงค์ (Objective)
- การวัดผลสำเร็จ (Success Metrics)
ขั้นที่ 1: การเตรียมการและการสร้างฉันทามติ
(Preparation & Consensus, 6-12 เดือน)
- การจัดเวทีความคิดเพื่อรับฟังปัญหาและการเสนอยุทธศาสตร์ที่นำมาใช้ได้จริง
การจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอิสระ
โดยมีภาคประชาสังคมและนักวิชาการเข้าร่วม
- สร้างความเข้าใจร่วมกันในปัญหา และสร้างฉันทามติเกี่ยวกับหลักการของรัฐธรรมนูญใหม่และหลักนิติรัฐ
- การยอมรับหลักการปฏิรูปในวงกว้างจากทุกภาคส่วนและการมีส่วนร่วมของประชาชน
ขั้นที่ 2: การปฏิรูปสถาบันหลักและกฎหมายสูงสุด
(Institutional Reform, 1-2 ปี)
- การร่าง/แก้ไขรัฐธรรมนูญ (การยกเลิกกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของระบอบเก่า)
- การปรับปรุงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญขององค์กรอิสระ
(ที่มา/อำนาจของ ศาล รธน., กกต., ป.ป.ช.).
- ลดอำนาจเด็ดขาดของฝ่ายบริหารและขจัดอิทธิพลของข้าราชการประจำ
สร้างกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐที่เป็นอิสระ
- การบังคับใช้รัฐธรรมนูญใหม่ และการเริ่มต้นกระบวนการสรรหาบุคลากรในองค์กรอิสระตามกฎกติกาใหม่ที่เข้มงวด
ขั้นที่ 3: การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในทางปฏิบัติ
(Procedural Implementation, 2-5 ปี)
- ปรับปรุงโครงสร้างของตำรวจ อัยการ และศาล
รวมถึงการจัดตั้งระบบช่วยเหลือทางกฎหมาย
การบังคับใช้กลไกการค้นหาความจริงในศาล
- สร้างความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม (Justice Trust)
และส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม
- สถิติความรวดเร็วในการพิจารณาคดีทุจริตและการเมือง;
ระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม
ขั้นที่ 4 : การสร้างพลเมืองและกลไกความยั่งยืน
(Sustainability & Citizenship Development, ต่อเนื่อง)
- การปฏิรูปการศึกษา การปรับปรุงกฎหมายเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคม
- สร้างฐานพลเมืองที่มีคุณภาพ (QualityCitizenship)
และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
- การเพิ่มขึ้นของขีดความสามารถพลเมือง (Civic Virtue, Critical Skills)
และการจายรายได้ที่เป็นธรรม
• บทที่ 5: องค์ประกอบสำคัญอื่นๆ เพื่อความยั่งยืน
5.1 การพัฒนาพลเมืองที่มีคุณภาพ: การสร้างฐานรากประชาธิปไตยที่มั่นคง
การเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงไม่สามารถอาศัยเพียง “พลังของประชามหาชน” ที่ขาดคุณภาพได้
การพัฒนาพลเมือง (Citizenship Development)
จึงเป็นงานระยะยาวที่สำคัญที่สุดในการสร้างความยั่งยืนทางประชาธิปไตย
การปฏิรูปการศึกษาเพื่อสร้างทักษะการวิเคราะห์
การปฏิรูปการศึกษาจะต้องสร้างหลักสูตรที่เน้นการพัฒนาพลเมืองที่มีคุณภาพ
โดยต้องมีความสมดุลระหว่างการประพฤติปฏิบัติ (การสร้างอุปนิสัยและทัศนคติ) และการให้ความรู้ขั้นพื้นฐานทางการเมืองการปกครองและปรัชญาการเมือง
บัณฑิตที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
ต้องสามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาทางการเมืองได้อย่างชาญฉลาด
สามารถแบ่งแยกความถูกจากความผิด และไม่หลงเชื่อในคำโฆษณาชวนเชื่อที่ปราศจากแก่นสาร
ขีดความสามารถหลักของพลเมือง
พลเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตยจะต้องมีคุณค่าในสองมิติ:
พลเมืองในมิติของการเป็นปัจเจกบุคคลที่มีศักดิ์ศรี และ
พลเมืองในมิติที่เป็นสมาชิกสังคมโดยมีคุณธรรมพลเมือง (Civic Virtue)
ที่เน้นส่วนรวม
ชัยวัฒน์ สุรวิชัย

ภท.มาแรงอันดับ1 โพลชี้กระตุ้นศก.ได้ดีที่สุด
4จว.ใต้ยังท่วม ประชาชนเดือดร้อน2.2แสนคน ปภ.โอนเยียวยาอีก286ล้าน มท.ขันนอตฟื้นฟูหาดใหญ่
ยิงสนั่น‘ภูผาเหล็ก’จังหวัดศรีสะเกษ ‘ไทย-เขมร’เดือด กัมพูชาเปิดฉากซัดก่อน
‘อะแมนดา ไซเฟร็ด’ลั่น ‘บทแซ่บสุดตั้งแต่ Mean Girls!’ ปะทะ “ซิดนีย์ สวีนีย์
รบ.โวซีเกมส์ฉลุย คนดังแห่ร่วมพิธีเปิด ยังอุบไต๋คนจุดคบเพลิง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี